#สุดยอดสีผึ้งอาถรรพณ์ในตำนานสีผึ้งนางไม้อาจารย์ฟ้อนดีสว่าง

สีผึ้งนางไม้อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง สีผึ้งอาถรรพณ์ในตำนานที่สร้างยาก สุดยอดในเรื่องมหาเสน่ห์ มหานิยม เมตตา โชคลาภ อธิษฐานขอได้ดั่งใจปรารถนา

อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ปรมาจารย์ทางไสยเวทท่านได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาพระเวทคาถาอาคมทางไสยศาสตร์จากครูบาอาจารย์หลายท่านจนสำเร็จวิชาต่างๆ มากมายหลายอย่างด้วยกัน อาทิ นะจังงัง ประสบเนตร สะกดจิตสบตา หญิงสาว วิชาสมานแผล คลายพิษงู ผูกปากงู ล่องหนหายตัว เสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตน ฯลฯ สรรพวิชาอาคมของท่านนั้น ถูกทดลองด้วยตัวท่านเอง ไม่ว่าหางูเห่ามาฉกตัวเอง แล้วร่ายคาถาถอนพิษงู ใช้มีดโกนเชือดแขนตัวเอง แล้วร่ายคาถาสมานแผล บางครั้งก็นำมาแสดงให้ผู้อื่นดู จนเด็กคิดว่าเล่นกล ภายหลังจึงเริ่มออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับทุกขเวทนา จนเป็นที่เลื่องลือผู้คนเลื่อมใสมากขึ้น ท่านบวชอยู่ได้ ๕ พรรษาจึงลาสิกขาจึงเริ่มดำเนินชีวิตตามวิสัยฆราวาส ด้วยปมด้อยที่อัปลักษณ์ จึงทำให้ไม่มีหญิงใดมาสนใจ ซ้ำร้ายยังได้รับดูแคลนจากหญิงสาวสวย ความเจ็บใจจากการดูแคลนนั่นแหละไม่นานหญิงสาวสวยเหล่านั้นก็ทยอยมาเป็นภรรยาอาจารย์ฟ้อนมากมาย จนได้รับการขนานนามว่าขุนแผน แต่ศิษย์ของท่านส่วนใหญ่มักบอกว่า ท่านเก่งกว่าขุนแผนเสียอีก เพราะตามตำนานขุนแผนต้องเสกของให้หญิงกิน จึงเกิดความลุ่มหลงในเสน่ห์ แต่ท่านอาจารย์ฟ้อนนั้นเพียงร่ายมนต์วิเศษฝากผ่านทางสายตา นางเอกลิเกสาวสวยจะตามมายอมเป็นเมียในเวลาต่อมา ว่ากันว่าท่านไม่เคยใช้วิชาพร่ำเพรื่อ ท่านมักใช้วิชานี้ต่อเมื่อพบคนดูแคลนความอัปลักษณ์ของท่าน พูดจาจนให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจ ร่ายคาถาเอามาเป็นเมียแล้วผ่านเลยไป ว่ากันว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนอีกเหตุหนึ่งคือ เมื่อท่านพบหญิงที่ต้องตาต้องใจเสน่หารักใคร่เป็นอย่างมาก และอยากได้มาเป็นคู่ครองด้วยใจบริสุทธิ์ และเห็นแล้วว่าด้วยรูปร่างหน้าตาของท่านคงไม่สามารถจีบหญิงคนนั้นได้ ท่านจะใช้วิชาเข้าช่วยและรับผิดชอบเลี้ยงดูจนมีลูกหลานด้วยกันหลายคน

ในชีวิตของอาจารย์ฟ้อนนั่นเต็มไปด้วยความโลดโผนโจนทะยานโดยเพราะความเข้มขลังทางวิชาอาคมของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้

คุณลุงปั่นได้เล่าให้ฟังว่ามีอยู่คราวหนึ่งที่หมู่บ้านบางขันหมาก จังหวัดลพบุรี ชาวบ้านได้หาลิเกคณะหนึ่งมาแสดงในงานอุปสมบท ลิเกคณะนี้มีนางเอกเป็นคนสวยมากชื่อ"นางสาว ทองขาว"การแสดงของเธอแต่ละครั้งทำเอาพวกหนุ่มๆ และไม่หนุ่มคลั่งไคล้หลงไหลไปตามกัน บังเอิญท่านอาจารย์ฟ้อน มานั่งชมอยู่ด้วยเมื่อถึงบทของนางเอกลิเก ทองขาว ออกมาแสดงเพียงแย้มฉากให้เห็นรำไรเท่านั้น พวกหนุ่มๆ ก็ลุกฮือขึ้นทันที ต่างคนต่างเบียดเสียดยัดเยียดเป็นโกลาหล เพื่อจักได้ยลโฉมอันวิไลของเธอใกล้ๆ อาจารย์ฟ้อนก็ยืนลุกขึ้นมากับเขาเหมือนกันทั้งที่ยังไม่ทราบต้นหมายปลายเหตุว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นนางเอกทองขาวออกมากรีดกรายร่ายรำอยู่หน้าเวทีก็ถึงกับสะดุ้งยืนตะลึงเหมือนมนต์สะกด ความสวยของเธอได้ซึมซาบเข้าสู่ทรวงอกอย่างรวดเร็ว พยายามข่มใจสักเพียงไรแต่ไม่เป็นผลเมื่อนางสาวทองขาวจบบทแสดงในฉากแรก เธอได้ลุกขึ้นมาร่ายรำชายหางตาอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่เธอส่งยิ้มไปให้ผู้ชมทั้งหลายเหล่านั้น อาจารย์ฟ้อนก็ร่ายพระเวทย์อันวิเศษสุด"ส่งสายตาไปประสบสายตานางเอกลิสาวทองขาวทันที(วิชาประสบเนตร)"เสร็จแล้วก็ออกมานั่งรอนางเอกลิเกทองขาวอยู่ในเงามืดหลังโรงลิเก หลังจากมี่นางสาวทองขาวได้ประสานสายตากับอาจารย์ฟ้อนหน้าเวทีแล้ว ในขณะที่รอพักอยู่นั้นความร่าเริงแจ่มใสก็หายไปสิ้นเพราะว่าใจฝักใฝ่ถึงอาจารย์ฟ้อน อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อเสร็จสิ้นการแสดงของคณะลิเก อาจารย์ฟ้อน ก็ออกมาปรากฏตัวให้นางสาวทองขาวเห็น เธอรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวทันที ความที่เร่งร้อนจึงยังไม่ทันได้ล้างหน้าออกมาได้ก็รีบวิ่งไปหาอาจารย์ฟ้อนชนิดที่ว่าไม่ต้องรอถามชื่อถามแซ่กันให้ช้าการแล้วรีบพากันหนีไปเลยทีเดียว

ลูกศิษย์ต่างๆ ยกย่องท่านว่าเก่งกว่าขุนแผนซะอีก ขุนแผนยังต้องร่ายมนต์ร่ายคาถา แต่อาจารย์ฟ้อน ท่านเพียงสบตาเท่านั้นไม่ว่าหญิงสาวที่ไหน ที่ท่านชอบและพึงพอใจ ท่านจะได้หญิงนั้นมาเป็นภรรยาทั้งหมด แต่ท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งหญิงสาวเหล่านั้น ท่านรับเลี้ยงจนกว่าจะตายจากกันไปข้างใดข้างหนึ่ง

สนใจสอบถามได้ครับ