หากกล่าวถึงหลวงปู่นรงค์ วัดมะเกลือ เป็นพระเกจิที่เลื่องชื่อในด้านคงกระพันในแถบพื้นที่ฝั่งธนบุรี ท่านเป็นศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ร่ำเรียนวิชาภาษาขอมอยู่กับหลวงปู่ศุขอยู่ 6 ปีจนมีความรู้ความชำนาญอยู่พอสมควร พออายุได้ 19 ปี ก็ถูกเกณฑ์ทหาร และได้รับราชการทหารเรื่อยมาจนได้ยศจ่าเอก จึงกลับมาเยี่ยมหลวงปู่ศุข พอดีในขณะนั้นกรมหลวงชุมพร อยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าด้วย หลวงปู่ศุขจึงได้ฝากฝังกับกรมหลวงชุมพร บอกว่าเป็นหลานชายท่านเอง ซึ่งท่านก็ทรงรับเป็นผู้อุปการะจนได้รับยศเป็นร้อยเอก แม้ท่านจะบวชเมื่อตอนอายุมากแล้ว แต่ในเรื่องด้านวิชาคาถาอาคมนั้นไม่ยิ่งหย่อนกว่าพระเถระรูปอื่น ทั้งนี้ท่านได้ศึกษามาตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส เมื่อท่านบวชจึงมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นท่านชอบเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใคร เมื่อสร้างพระเครื่องมาท่านทำด้วยตัวท่านเอง ปลุกเสกเอง จึงมีคนรู้จักเป็นส่วนน้อยแต่พระเครื่องของท่านได้เกิดอภินิหารแก่ผู้นำไปใช้
ในตำราพระเวทย์ได้กล่าวไว้ว่าผู้ที่จะทำซึ่ง " สีผึ้งหน้าผี" ต้องเอาสีผึ้งที่หน้าศพ ซึ่งสมัยก่อนเขาจะเอาสีผึ้งหรือขี้ผึ้งมาแปะที่หน้าศพเพราะสมัยโบราณนั้น มื่อตราสังศพเสร็จแล้ว สมัยก่อนสัปเหร่อจะนำขี้ผึ้งชนิดขี้ผึ้งแข็งมาแผ่ออกเป็นแผ่นกว้างยาวขนาดใบหน้าของศพ แผ่ปิดหน้าดังปิดด้วยหน้ากาก บางทีก็ปิดเฉพาะที่ตาและปาก ถ้าเป็นคนมั่งมี บางคนใช้ทองคำแผ่เป็นหน้ากากปิดหน้า เมื่อเผาแล้วก็เอาทองนี้สร้างพระเป็นการกุศล การที่ใช้ขี้ผึ้งหรือทองคำปิดหน้าศพนี้ กล่าวกันว่าเพื่อป้องกันความอุจาด เพราะบางศพลืมตาค้างปิดไม่ลง อ้าปากลิ้นแลบออกมา จึงได้มีทองและขี้ผึ้งปิดไว้ซึ่งตามตำราว่าไว้เมื่อ เอาขี้ผึ้งปิดหน้าศพ คนที่ทำจะต้องมาร่วมฟังสวดด้วยทุกคืน และเมื่อสวดอภิธรรมจบแขกกลับบ้านเรียบร้อยเจ้าพิธีก็จะมาเสกพระคาถาทุกคืนให้ได้สามคืนจึงจะใช้ได้ ตัวคาถาไม่ยากแต่ก็ไม่ขอเอ่ยมาในที่นี่ รู้ไว้เพียงว่าอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์นั้น คือสุดยอดเมตตา เสน่ห์หาชั้นดีนั่นคือ การทำสีผึ้งหน้าผีขั้นตอนแรก ซึ่งจะไม่ขอกล่าวมากแต่สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องสึผึ้งหน้าผี
พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร : มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่อาจารย์เสือก็เพิ่งรู้ว่าหลวงพ่อเคยทำสีผึ้งหน้าผี แต่มีคนยืนยันและเล่าประสบการณ์ อีกทั้ง ผู้สืบทอดก็ยัง อยู่ อาจจะเนื่องด้วย หลวงพ่อเป็นคนเรียน วิชาจึงทำลองขึ้นมาบ้างก็เป็นได้มีลุงคนหนึ่งชื่อหมีได้สีผึ้งมาจากหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อมอบให้ก็สั่งกำชับนักกำชับหนาว่าเปิดมาจะเห็นอะไรหรือได้กลิ่นอะไรห้ามทักเด็ดขาดเมื่อ ได้สีผึ้งมาแล้ว ลุงหมีก็พาสมัครพรรคพวกไปเที่ยวเสียหน่อยกะว่าจะลองของเต็มที่
เมื่อไปถึงที่เที่ยวลุงหมีก็สอดส่ายสายตาเพื่อหาเป้าหมายที่ต้องตาแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับสาวงามนางหนึ่งซึ่งก็เคยเห็นหน้าค่าตากันมาบ้าง ด้วยบ้านอยู่ระแวกเดียวกัน เอาวะเป็นไงเป็นกัน แกก็ควักสีผึ้งออกมาเลยแล้วก็แต้มไปที่แขนสาวเจ้า แต่เอะทำไมไม่ได้ผลหรือว่าโดนหลวงพ่อหลอกเสียกระมัง แต่เอะหลวงพ่อยังบอกให้ใช้อย่างระวัง มันต้องได้ผลซิวะว่าแล้วแกป้ายเข้าไปอีก เมื่อโดนป้ายเป็นรอบที่สองเจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกโดน ระรานก็เลยด่าซะนี่เอาอะไรมาป้ายชั้น ฮึ ว่าแล้ว ก็ยกแขนขึ้นดม พร้อมพูดออกมาว่า เอาอะไรมาป้ายเนี่ยเหม็นชิบเท่านั้นละ สาวเจ้าก็ยืนค้างสักพักเดินทื่อๆ เข้ามากอดลุงหมีไม่ยอมปล่อย กลับบ้านเธอก็เดินตามไม่พูดพล่ามอะไรสักอย่างเดินเหมือนผีดิบทีนี้ก็เดือดร้อนละ ซิ จะพาไปหาหลวงพ่อให้แก้กลางดึกก็คงจะโดนด่าแน่ๆ แต่เอาวะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ก็เลยต้องไปบอกหลวงพ่อ ถึงกุฎิ แก้กันอยู่นานกว่าจะดีและรู้สติ
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่โจทย์ขานอยู่ในกลุ่มเล็กๆ แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังอยู่กันครบ และ หลังจากนั้น บรรดา แป้งเสกเอย สีผึ้งเอย หรือ แม้แต่สมเด็จอิทธิเจยากนักที่หลวงพ่อจะ ทำและออกให้บูชา แถมแช่งด้วยนี่เป็นอีกเรื่องที่มาของ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนรงค์แห่งวัดมะเกลือไสยศาสตร์มีทั้งดีและร้ายอยู่ที่คนนำไปใช้ ได้นำไปใช้ทางไหน แค่นั้นเอง
หลวงพ่อนรงค์ วัดมะเกลือ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ ในเวลาต่อมาท่านคงเบื่อหน่ายทางโลก จึงลาออกจากราชการเมื่ออายุ 57 ปี ในปี พ.ศ. 2487 ที่วัดนางนอง จำได้ว่ามีหลวงพ่อเม่ง วัดบางสะแก เป็นพระกรรมวาจารย์ อยู่ในตอนนั้นด้วย หลวงพ่อนรงค์ เมื่อบวชเป็นพระได้สละสมบัติส่วนตัวเช่นที่ดิน มาพัฒนาวัดมะเกลือ ซึ่งสมัยนั้นเกือบจะเป็นวัดร้าง และ พื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ถูกชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆครอบครอง เมื่อหลวงพ่อณรงค์ได้มาอยู่ที่วัดมะเกลือ ท่านต้องต่อสู้ทางกฎหมายเอาที่ดินของวัดคืนมาจากชาวบ้าน ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จได้ที่ดินกลับคืนมากว่าสิบไร่
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาของตำนานหลวงปู่ณรงค์ วัดมะเกลือ บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ในปี 2521 ได้มีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่อนรงค์ นอกจากพระรูปเหมือนหลวงพ่อนรงค์ รุ่นที่ 2 จำนวน 300 องค์ ที่สร้างในปี 2519 แล้วยังเหรียญรุ่นที่ 4 (รุ่นเศกตะบัน) และพระบูชารูปเหมือน ปี 2521 นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีผ้ายันต์ต่างๆ น้ำมันมนต์ และสีผึ้งทาปาก สำหรับผ้ายันต์มี 3 แบบ คือ
1. ผ้ายันต์สำหรับป้องกันอันตราย
2. ผ้ายันต์เมตตาเสน่ห์มหานิยม
3. ผ้ายันต์สำหรับผูกติดเสาอาคารบ้านเรือน
ข้อมูลโดย อาจารย์เสือบี
เครดิตภาพและข้อมูลจากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพพระครูมงคลวุฒิคุณ
|