|
เกจิผู้มีหัวใจพรหมวิหาร ครูบาวัง พรหมเสโน
•••••••••••••
ครูบาวัง เกิดเดือนกันยายน ปีกระต่าย พุทธศักราช2434
พื้นเพเดิมเป็นคนลำพูน สกุลเดิม คือ ณ ลำพูน
ภายหลังท่านได้เปลี่ยนเป็น แก้วมหาวงษ์
ซึ่ง ณ ลำพูน เป็นนามสกุลที่พระราชทาน ลำดับที่ 866
( โดยสกุลนี้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าหลวงเศรษฐีคำฝั้นท่านเป็นพระอนุชาของพระเจ้ากาวิละ
ผู้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ล้านนา )
โดยท่านเป็นบุตรคนที่3ของเจ้าคำปวน และ เจ้าบัวเงา
บิดาและมารดาดำรงชีวิตอยู่ด้วยการประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ค้าขายมาโดยตลอด
ท่านบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่เด็กตามปกติวิสัยของคนล้านนาสมัยโบราณ
และ เมื่ออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบ้านแป้น จ.ลำพูน
ได้ชื่อฉายาว่า “พรหมเสโน”
ในขณะนั้นท่านได้ตั้งศึกษาศาสตร์โบราณต่างๆ
ซึ่งบันทึกไว้ด้วยอักษรธรรมล้านนาจนเริ่มมีความเชี่ยวชาญ
จึงได้เริ่มออกธุดงค์ตามความตั้งใจที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้
ดังนั้นที่มีการกล่าวขานมาเสมอว่า
“ ครูบาวัง ท่านสามารถอ่านอักษรธรรมล้านนาและอักษรพม่า
รวมถึงรู้ศาสนพิธี พุทธศาสตร์ กรรมฐาน โหราศาสตร์
ไสยเวทย์วิทยาคม ตำรับตำราโบราณของล้านนา และ พม่า “
เพราะท่านได้เดินเท้าออกธุดงค์ไปจำพรรษา
เพื่อศึกษาหลายสาขาวิชาจากแหล่งคลังความรู้ ที่เปรียบประดุจตักสิลา
หลายจังหวัดทั่วภาคเหนือ อาทิ ลำพูน เชียงราย-เชียงแสน ลำปาง
และ โดยเฉพาะที่แพร่
( ซึ่งดินแดนแพร่-น่านนี้เปรียบประดุจตักสิลา
คลังความรู้อันยิ่งใหญ่ซึ่งครูบาอาจารย์ล้านนายุคก่อนหลายท่าน
ก็มักจะต้องเดินทางมาศึกษาที่นี้กัน)
อีกทั้งใช้เส้นทางโบราณข้ามจากแม่สอดไปเมาะละแหม่งเข้าไปถึงเมืองหลวงของพม่าในยุคนั้น
ทั้งหมดทั้งมวลจึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจที่ท่านจะ รู้แจ้งแทงตลอด เข้าใจสรรพสิ่งอย่างแตกฉาน
เพราะใช้เวลาศึกษาอย่างตั้งใจอยู่ทั้งหมดเกือบ20ปี
จนเมื่อกาละเวลาอันเหมาะมาถึงในช่วงปี2500
ครูบาวังได้หวนกลับหมู่บ้านเด่นกระต่ายที่เมืองตาก
( ที่นี้ได้ชื่อนี้เหตุเพราะสมัยก่อนที่นี้เป็นหมู่บ้านกลางป่า
มีบ้านไม่กี่หลัง ทั้งยังอยู่มีสัตว์ป่า โดยเฉพาะกระต่ายชุม )
ชาวบ้านได้นิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ โดยได้สร้างเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆที่มีเพียงกุฏิหลังคามุงแฝกไม่กี่หลัง
ต่อมาครูบาวังได้นำวิชาความรู้ทุกศาสตร์ที่ร่ำเรียนมาในการช่วยเหลือผู้คน
โดยเฉพาะที่มีชื่อมากๆ คือ รักษาคนที่จิตวิปลาสจากการโดนกระทำย่ำยีคุณไสยคุณผีคุณคน
ให้หายกลับมาเป็นปกติได้ ทั้งยังความตั้งใจในการลงมือลงแรงพัฒนาวัดของท่าน
รวมถึงเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลหลายอย่าง ก็ได้แสดงผลชัดเจนจนเป็นที่ประจักษ์
ทำให้ผู้คนละแวกนั้นต่างศรัทธา ชื่อเสียงโด่งดั่งไปทั่วทุกสารทิศ
แม้แต่ ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ ( อำพัน กิตติขจร ท่านเป็นผู้ค้นคว้ารวบรวมจัดพิมพ์คัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ
และยังเป็นข้าราชการผู้กว้างขวางในเขตนั้น ) ซึ่งเป็นบิดาของ พณ.ฯ ท่านจอมพลถนอม กิตติขจร ก็ได้มาขอมอบตัวเป็นลูกศิษย์
แม้แต่ท่านจอมพลเองก็ยังศรัทธาส่วนหนึ่งเกิดประสบการณ์หลายอย่างกับตัวเอง
จากหมู่บ้านกลางป่าเขาที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ได้รับการพัฒนาให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวกหนทางเข้าออกสบายมากขึ้น
ทั้งหมดเกิดจากความมุ่งมั่นในการสร้างทั้งจากแรงจริง แรงใจ แรงศรัทธา
โดยวัดแล้วเสร็จราวปี2510-11 และได้รับการตั้งชื่อเป็น วัดบ้านเด่น
แต่นั้นสืบมา ครูบาวังมรณภาพวันที่ 18 มกราคม ปี 2516
=•=•=•=•=•=•=•=•=
ตลอดมาท่านมักตั้งจิตอธิษฐานแผ่เมตตาให้มนุษย์
และ เทวดาทั้งปวง ว่า พ้นทุกข์ พบสุข อยู่เสมอ
ดั่งคำพูดที่เป็นเหมือนประโยคประจำตัว
ที่ท่านมักกล่าวว่า
“ขอให้บอกพ่อมาเถิดลูก
ไม่ต้องเกรงใจลูกจะเอาอะไร
ต้องการอะไรจากพ่อ ขอให้ลูกบอกพ่อมาเลย”
ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน แห่งหนตำบลใด
อำเภออะไร จังหวัดใด ชนชั้นวรรณะใดก็ตาม
ท่านก็มักกล่าวเป็นประจำกับทุกคนอยู่เสมอ
ครูบาวังวัดบ้านเด่น เกจิผู้มีหัวใจพรหมวิหาร
=•=•=•=•=•=•=
ตะกรุดเก้ากุ่ม ของวิเศษแห่งเมืองตาก
รวมสุดยอดหัวใจพระคาถา 9 บท ไว้ในหนึ่งเดียว
ปกป้องคุ้มครองแบบครอบจักรวาล
ฝ้ายแดง เลี่ยมพลาสติกศิลป์นิยม
จำนวนตะกรุดล้อมนอกเป็นเอกลักษณ์ตามตำรา
สวยเก่าเดิมตามอายุ
ครูบาวังวัดบ้านเด่น พระอรหันต์จอมขมังเวทย์
|