เบญจภาคีเบี้ยแก้ เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง หนี่งในสุดยอดเบี้ยแก้แดนสยาม เชื่อกันว่ามีอิทธิคุณ เบี้ยแก้อาถรรพณ์ของท่านนั้นมีพลังอิทธิฤทธิ์ พิชิตคุณไสย ขับไล่ปีศาจ กำจัดยาสั่ง ยับยั้งไข้ป่า หนุนโชคชะตาเสริมบารมี ดีทางเมตตามหาอุด สิ่งที่กระทำร้ายมาจะกลับส่งผลไปในทางดี ป้องกัน - แก้สิ่งอัปมงคลกระทำย้ำยี เรียกขวัญให้กลับมา ทั้งหนุนดวงและโชคลาภ ซึ่งคนรุ่นเก่าๆนับถือว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของท่าน
เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง ถูกจัดอันดับให้อยู่หนึ่งในห้าเบญจภาคีเบี้ยแก้ของเมืองไทยอันประกอบไปด้วย
1. เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง กรุงเทพฯ
2. เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม
3. เบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม
4. เบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ จังหวัดอ่างทอง
5. เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ จังหวัดอ่างทอง
เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง
จากอดีตจวบจนปัจจุบันในนามของวัดโพธิ์ปล้ำนั้น ดูเหมือนหลวงพ่อคำ ปญฺญาสาโร ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการพระเครื่องมากที่สุด เนื่องจากท่านเป็นอีกหนึ่งพระคณาจารย์ดังของ จ.อ่างทอง ควบคู่ไปกับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ และหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน วัตถุมงคลที่สร้างและปลุกเสกเอาไว ้มีมากมายหลายชนิด แต่ที่รับความนิยมสูงพร้อมทั้งมากล้นประสบการณ์ก็คงหนีไม่พ้น เบี้ยแก้ของท่าน ท่านได้ศึกษาพระเวทย์วิทยาคมพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆ จากสมุดข่อย ที่พบในโพรงต้นโพธิ์ภายในวัดจนเชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งอีกทั้งยังแลกเปลี่ยนวิชากับอีกหลายพระคณาจารย์ ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และท่านเจ้าคุณสุธรรมธีรคุณ วัดสระเกศ เนื่องจากมีอายุใกล้เคียงกันแม้ว่าบางองค์จะมีอาวุโส มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ และหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆซึ่งจะเห็นว่าเบี้ยแก้ของท่านทั้งสามสำนักจะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก แต่ถ้าพบเห็นบ่อยๆเคยสัมผัส และมีความรู้ ความชำนาญอยู่บ้างก็จะเป็นเรื่องง่ายในการพิจารณาแบ่งแยกลักษณะเบี้ยแก้ของแต่ละสำนัก เพราะลึกๆแล้วอย่างไรก็มีวิถี มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันนั่นเอง.
เบี้ยแก้ของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ และการสร้างวัตถุมงคลประเภทเบี้ยแก้ของท่านนั้น เริ่มสร้างมาตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ.๒๔๙๓ เท่าที่พบเห็นเล่นหาเป็นสากลเบี้ยของท่านจะเป็นเบี้ยเปลือยไม่มีการถักเชือกแต่อย่างใด ส่วนการเลี่ยมจับขอบไม่ว่าจะด้วยเนื้อทองคำ เงิน นาค นั้น แล้วแต่ลูกศิษย์ที่ได้รับจะนำไปเลี่ยมกันเองไม่ได้เลี่ยมจากทางวัดอย่างที่บางท่านเข้าใจกันซึ่งร้านที่มักนิยมนำเบี้ยไปเลี่ยมกันนั้นก็เป็นร้านเดียวกันกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ และหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน นำไปเลี่ยมกันเป็นร้านทองในตลาดวิเศษชัยชาญ ฉะนั้นลักษณะการเลี่ยมเบี้ยแก้ของทั้งสามสำนักนี้จึงมีลักษณะคล้ายกัน เพราะเลี่ยมร้านเดียวกันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควรในการจะแบ่งแยก และพิจารณาสำหรับท่านที่ไม่มีความชำนาญ แต่มักมีข้อเปรียบเทียบง่ายๆ อยู่ว่าเบี้ยแก้ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์มักจะตัวใหญ่กว่าของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ และหลวงพ่อนุ่น วัดนางใน แต่ก็ใช่ว่าจะทุกลูกเสมอไป แต่ก็สังเกตุได้แน่ๆว่าเบี่ยลูกนี้เป็นของหลวงพ่ออะไรก็คือ...
จุดที่ใช้เป็นจุดสังเกตว่า เบี้ยลูกนี้เป็นของหลวงพ่ออะไรก็ให้สังเกตจากการปิดท้องเบี้ยภายหลังบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ยแล้วจะปิดทับด้วยชันโรงและถ้าวางแปะด้วยแผ่นตะกรุดเนื้อทองแดงจะเป็นของหลวงพ่อคำ(บวกกับการพังเสียงปรอทที่วิ่งดังแซ็คๆ) ซึ่งต่างจากหลวงพ่อภักตร์ ที่ใช้ตะกรุดเนื้อตะกั่วชินเงิน(เสียงปรอทดังขลุกๆ) ส่วนของหลวงพ่อนุ่ม จะวางแปะแผ่นตะกรุดเนื้อตะกั่ว หรือแผ่นทองแดง แต่วางด้านล่างแล้วปิดทับด้วยชันโรงทับอีกชั้นหนึ่ง พอจะมองเห็นมั่งไม่เห็นมั่ง ไม่แน่นอนว่าชันโรงที่ปิดทับแผ่นตะกรุดมากน้อยขนาดไหน(เสียงปรอทดังขลุกๆ) และที่สำคัญมากๆคือเสียงของปรอทของหลวงพ่อคำ จะแตกต่างจากของหลวงพ่อภักตร์ และหลวงพ่อนุ่ม โดยสิ้นเชิง (ใช้เป็นมาตรฐานในการแบ่งแยกเบี้ยของทั้งสามสำนักนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด_ผู้เขียน วัต ท่าพระจันทร์)_คือเสียงปรอทของหลวงพ่อภักตร์ และหลวงพ่อนุ่ม เมื่อเขย่าดูจะมีเสียงดังขลุกๆ แต่ของหลวงพ่อคำจะเสียงดังแซกๆคล้ายกับเสียงของเม็ดปรอททราย หรือปรอทแตกตัววิ่งอยู่ภายในนับเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเบี้ยแก้สำนักนี้ที่สามารถใช้เป็นจุดตายได้อย่างชัดเจน ในกรณีที่ตัวเบี้ยมีการเลี่ยมหุ้มทำให้มองไม่เห็นการวางตะกรุดและร้านที่เลี่ยมก็ตอกชื่อเดียวกันทำให้งงๆๆและงง กันมานักต่อนักแล้ว เพราะลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งสามท่านเอาเบี้ยไปเลี่ยมในตลาด อ.วิเศษชัยชาญที่ร้านเดียวกัน.
•••••คุณวิเศษเบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำก็มีคุณวิเศษ และประสบการณ์มากมายไม่แพ้เบี้ยแก้ดังๆของสายอื่น สำนักอื่น กล่าวคือ ป้องกันคุณไสย ยาสั่ง แก้กลับเหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดี คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เหมาะที่จะใช้พกพาติดกายไปทุกๆที่ แบบเน้นๆไม่เว้นแม้แต่สถานที่ “อโคจร”
|