สีผึ้งพ่อท่านซัง วัดวัวหลุง
พระครูอรรถธรรมรส หรือ "พ่อท่านซัง สุวัณโณ" วัดวัวหลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช นามเดิมชื่อซัง เป็นบุตรคนสุดท้ายของขุนวิน ศักดาวุธ (บุศจันทร์ ศักดาวุธ) มารดาชื่อนางส้ม ศักดาวุธ เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ ปีกุน ตรงกับวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2394 ณ บ้านพัง หมู่ที่ 2 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อท่านอายุได้ 11 ปี ได้ไปศึกษาเล่าเรียนในสำนักท่านอาจารย์นาค เจ้าอาวาสวัดพัง ต่อมาย้ายไปศึกษาในสำนักของท่านอุปัชฌาย์รักษ์ วัดปัง ต.ควรชุม อ.ร่อนพิบูลย์ ท่านเรียนวิชาเลขและคัดลายมือ ขณะที่หลวงพ่อซังท่านศึกษาอยู่ท่านเป็นคนฉลาดความจำดี มีความขยันอดทนเป็นเลิศ อุปัชฌาย์รักษ์เห็นแววและอนาคตจะไปไกลเลย บวชเณรให้เมื่ออายุ 16 ปี หลังจากบวชเณรแล้วท่านก็ได้ศึกษาธรรมวินัยและวิปัสสนาธุระเพิ่มขึ้น พอเป็นแนวทางปฏิบัติท่านอยู่ต่อมาจนครบปี เผอิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดตรัง เดินทางไปนมัสการพระอุปัชฌาย์รักษ์ พบสามเณรน้อยผู้มีสติปัญญาไหวพริบดี จึงขอตัวไปให้รับราชการในตำแหน่งเสมียนตรา อยู่ที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ท่านรับใช้ประเทศชาติในตำแหน่งเสมียนตรา อยู่ 3 ปี จึงลาออกจากราชการเมื่ออายุ 20 ปี
พ่อท่านซัง อุปสมบท เมื่อเดือน 8 ขึ้น 13 ค่ำ วันพุธ พ.ศ. 2414 อุปสมบทที่วัดปัง โดยมีอุปัชฌาย์รักษ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านอาจารย์นาค เจ้าอาวาสวัดพัง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านอาจารย์ทองดี วัดพัง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุวัณโณ” เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงพ่อซัง ท่านไปศึกษาอยู่ในสำนักอาจารย์นาค วัดพัง ศึกษาเพิ่มเติมทางด้านคาถาอาคมอยู่หนึ่งพรรษา พ่อท่านซัง จึงกราบลาอาจารย์นาคไปอยู่กับท่านอาจารย์โฉม เจ้าอาวาสวัดวัวหลุง เพื่อศึกษาคันถธุระและอบรมวิปัสสนาธุระ กับอาจารย์ชู อาจารย์สด วัดวัวหลุง ทำให้ท่านมีอาจารย์ที่เก่งกล้าทางด้านวิปัสสนา ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์ทีเดียวพร้อมกันถึงสามองค์
เมื่อตำแหน่งสมภารวัดวัวหลุงว่างลง พ่อท่านซังจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมภารสืบแทน ต่อมาเมื่อพระศรีธรรมมุณี (พระรัตนธัชมุณี) เจ้าอาวาสวัดท่าโพธิ์ นครศรีธรรมราช ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช เห็นว่าพ่อท่านซัง วัดวัวหลุง เป็นผู้มีความสามารถในการบริหารหมู่คณะสงฆ์ดี ปฏิบัติน่าเลื่อมใส จึงให้ประทานตราตั้งเป็นพระครู เจ้าคณะแขวง ให้เป็นผู้ปกครองวัด ในอำเภอร่อนพิบูลย์ทั่วทุกวัด จนได้รับพระราชทานสมณศักด์เป็น “พระครูอรรถธรรมรส” หลวงพ่อซัง บริหารคณะสงฆ์สืบต่อมาจนเจริญรุ่งเรื่อง โดยบูรณะถาวรวัตถุต่างๆเช่น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ หลายแห่งในอำเภอร่อนพิบูลย์ ประชาชนพากันมาหาสู่ท่าน เพื่อขอพรจากท่าน ให้ท่านรดน้ำมนต์ ขอลูกอมชานหมาก และของที่ท่านแจกให้เป็นของที่ห่วงแหนกันมาก หลวงพ่อซัง ชราภาพมากจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้โดยสะดวก และท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคชรามาตั้งแต่ต้นปี ต่อมาโรคได้กำเริบหนัก จนถึงวันที่ 26 มีนาคม 2478 ท่านมรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ 84 ปี
"เหรียญพ่อท่านซังรุ่นแรก" เกิดประสบการณ์และอภินิหารมากมาย ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และมหาอุด จึงเป็นที่หวงแหน ได้ชื่อว่าเป็นเหรียญแจกงานศพ หรือที่เรียกว่า "เหรียญตาย" เนื่องจากสร้างหลังจากที่ท่านมรณภาพไปแล้วในวงการมักจะเรียกว่าเป็นเหรียญตาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเหรียญตายที่มีราคาค่านิยมเล่นหากันแพงที่สุดก็ว่าได้ครับ (ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างสูงครับ)
สนใจสอบถามได้ครับ
|