พระเพชรหลีกท่านเจ้าคุณทักษิณคณิศรวัดใต้
ตำนานพระเพชรหลีก สามารถกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ ดึงดูดสิ่งดีๆให้เข้ามาในชีวิตตลอด พลิกชะตาชีวิต
พระเพชรหลีก พิมพ์สมาธิ เจ้าคุณทักษิณคณิศร วัดใต้ (อินทราราม)
พระเพชรหลีก เป็นพระเครื่องอีกชนิดหนึ่ง ที่มีตำหรับตำราการสร้างโดยเฉพาะ ไม่ใช่ใครจะนึกสร้างก็ทำได้เลย พระเพชรหลีกของเจ้าคุณทักษิณ วัดใต้ จึงมีอิทธิคุณทางด้านแคล้วคลาดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ จัดอยู่ในพระนิรันตรายอันดับต้นๆ มีมูลค่าการเสาะหาอยู่ที่ประมาณหกหลัก
พระเพชรหลีกเจ้าคุณพระทักษิณคณิศร วัดใต้หรือ วัดอินทาราม เนื้อผงใบลาน หลังจารนะโมพุทธายะ
พระเพชรหลีก วัดใต้ มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์สมาธิเพชรและพิมพ์สมาธิราบ พระเพชรหลีก พระเครื่องเก่าแก่ของ วัดใต้ หรือวัดอินทาราม ฝั่งธนบุรี สร้างโดยเจ้าคุณพระทักษิณคณิศร ท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับสมเด็จพระวันรัต (แดง) และสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโวปัจจุบันหาดูหาเช่ายากยิ่ง ได้รับสมญานามว่า "พระยอดขุนพลนิรันตราย" เนื่องด้วยพุทธคุณเป็นที่ปรากฏเลื่องลือในด้านแคล้วคลาดและอยู่ยงคงกระพัน ความน่าสนใจคือเนื้อหามวลสารและกรรมวิธีสร้างที่มีความแตกต่างจากพระเครื่องอื่นๆ
ท่านเจ้าคุณพระทักษิณคณิศรเป็นชาวอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เกิดเมื่อปี พ.ศ.2397 บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ร่ำเรียนหนังสือไทยและขอมอยู่ 2 ปี พออายุได้ 22 ปีจึงอุปสมบทที่วัดราชบูรณะ อำเภออัมพวา ได้ฉายา "ปุญญาคังโค" จำพรรษาที่วัดได้ 2 ปีจึงย้ายมาจำพรรษาที่วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ ศึกษากับสมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้ 1 ปี ก็ได้รับสมณศักดิ์เป็นที่พระมงคลวิลาศ ตำแหน่งพระครูคู่สวดฐานานุกรมในสมเด็จพระวันรัต (แดง) ในปี พ.ศ.2432 ดำรงเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์นิมิต ฝั่งธนบุรี จนถึงปี พ.ศ. 2447 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดใต้ หรือวัดอินทาราม และสมณศักดิ์สุดท้ายเป็นที่พระทักษิณคณิศร บวรสังฆสุทธิการ วิจารณโกศล ศกลสัง
ฆานายกปิฎกธรรมรักขิต ตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลปราจีนบุรี มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2484 สิริอายุได้ 88 ปี 66 พรรษา
พระเพชรหลีกมีลักษณะทรงพิมพ์คล้ายซุ้มตัวกอ ทรงยืด ด้านบนกลมมน ด้านล่างตัดตรง ด้านหน้าขอบยกเป็นเส้นลวดโดยรอบ องค์พระประธานประทับนั่งปางสมาธิ มีทั้งขัดสมาธิราบและขัดสมาธิเพชร มีความนูนเด่นชัด รวมทั้งเส้นอังสะและเส้นสังฆาฏิ พระเกตุ พระศก พระเศียรกลม ปรากฏพระกรรณทั้งสองข้าง ในองค์ที่ติดชัดจะปรากฏพระเนตร พระ นาสิก และพระโอษฐ์ พระกรและพระ พา หาหักเป็นมุมทั้งสองข้าง ส่วนด้านหลังเป็นพื้นเรียบ ปรากฏเฉพาะรอยจาร ท่านเจ้าคุณฯ จะนำผงพุทธคุณต่างๆ อาทิ ผงปถมัง มหาราช อิทธิเจ ฯลฯ มาผสมรวมกับผงธูปหน้าพระประธาน ผงจากการเผาสมุดข่อยและขมุก (ขี้เถ้าจากใบตองตานีที่ใช้ลงพื้นปิดทองรองชาด) แล้วตำจนละเอียดโดยใช้ "รัก" เป็นตัวประสาน จากนั้นนำมากดลงแม่พิมพ์โดยเทลงประมาณครึ่งองค์ก่อน แล้วนำ "ข้าวเปลือก" วางลง 5 เมล็ด จึงเทมวลสารให้เต็มพิมพ์ พอองค์พระแห้งหมาดๆ ก็จะนำออกมาจารอักขระขอมคำว่า "นะ โม พุท ธา ยะ"
"ข้าวเปลือก" นี่แหละที่มีความพิเศษ เพราะต้องเป็นข้าวเปลือกที่เมื่อผ่านการตำ ฝัด สี และหุงแล้วไม่ยอมสุกหรือแตกหัก คือหลุดรอดมาถึงมือท่านได้ นี่เป็นความอัศจรรย์ที่ปรากฏเป็นพุทธคุณด้วยคือ "หลุดรอด แคล้วคลาด" และด้วยความยากในการที่จะเก็บสะสมเมล็ดข้าวเปลือกตามคุณลักษณะดังกล่าวข้างต้น กอปรกับกรรมวิธีการสร้างและการจารแต่ละองค์พระด้วยตนเอง ทำให้ "พระเพชรหลีก" ที่สร้างแต่ละครั้งจึงมีจำนวนน้อย ผู้ที่ได้รับจึงต่างรักเคารพและหวงแหนยิ่งนัก
นำมาแบ่งปันกันในราคาพิเศษสุดครับ
|