"ตำนานห่มขาว " ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้าผืนพิเศษแบบหนึ่งเดียวของครูบาเจ้าขาวปี สามมือ สามเท้า เขียนเป็นตัวล้านนาว่า “ครูบาเจ้าขาวปี๋ ตนบุญแห่งล้านนา “ ยากที่จะพบเจอ
ครูบาอภิชัยขาวปี คนเมืองเหนือออกเสียงเป็น “ขาวปี๋” คือศาสนทายาทผู้สืบสานตำนาน “ตนบุญแห่งล้านนา” ต่อจากครูบาเจ้าศรีวิชัย ในการดำเนินกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นแนวร่วมในการต่อต้านอำนาจจากสยามที่พยายามครอบงำวงการสงฆ์ล้านนา
เหตุที่ถูกเรียกว่า “ขาวปี” ก็เพราะท่านถูกจับสึกจากความเป็นพระสงฆ์ ทำให้ต้องมานุ่งห่มผ้าขาว
แม้จะเป็นพระป่าผู้สมถะครองตนอย่างดีมาโดยตลอด แต่เนื่องจากความใกล้ชิดในฐานะศิษย์เอกคอยอุปัฏฐากครูบาเจ้าศรีวิชัย จนได้รับยกย่องว่าเป็นเสมือน “มือขวา”
ทำให้ครูบาอภิชัยขาวปีย่อมได้รับผลกระทบจากคณะสงฆ์ล้านนาและฝ่ายราชการที่ไม่พอใจครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตามไปด้วยโดยปริยาย
ปี พ.ศ.2467เมื่อครูบาอภิชัยขาวปีบวชได้ 13 พรรษา ท่านถูกกลั่นแกล้ง และถูกจับดำเนินคดีอย่างไร้เหตุผล ในข้อหาหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
ทั้งๆ ที่กาลเวลาล่วงผ่านอายุในวัยเกณฑ์ไปนานกว่า 15 ปีแล้ว คือขณะนั้นท่านอายุ 35 ปี แต่ทางการยังไปขุดคุ้ยเอกสารย้อนหลัง อ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้า หาเรื่องบังคับให้ท่านสึกและครองผ้าขาวเป็นครั้งแรก
(การถูกจับสึกครั้งที่ 2 )
ครูบาอภิชัยขาวปีอยู่จำพรรษากับครูบาศรีวิชัยได้ 1 พรรษา ก็ลาอาจารย์จาริกไปสร้างวัดและโรงเรียนอีกหลายแห่ง จากพระเจดีย์ที่บ้านนาหลวง เมืองตาก ท่านมุ่งสู่แม่สอดจนถึงแม่ระมาด พรมแดนไทย-พม่า
ณ ที่แม่ระมาดนี้ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยง ไม่มีปัจจัยมากพอสำหรับสร้างโบสถ์ ครูบาอภิชัยขาวปีจึงปรึกษาคณะศรัทธาว่าคงต้องขอเงินบริจาคจากชาวบ้านในเมือง ซึ่งชาวบ้านยินดีช่วยด้วยความเต็มใจ
นอกจากนี้ ครูบาอภิชัยขาวปียังได้ตัดไม้ในป่าแถบแม่ระมาดซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำสาละวิน เพื่อนำไปสร้างอุโบสถ วิหารให้แก่พุทธศาสนิกชนชาวกะเหรี่ยงบนถิ่นทุรกันดาร โดยที่ครูบาอภิชัยขาวปีไม่เคยทราบมาก่อนว่า เจ้าหลวงลำพูนได้ให้สัมปทานป่าไม้บริเวณนี้แก่บริษัทบอร์เนียวเบอร์ม่าไปแล้ว
(การถูกจับสึกครั้งที่ 3 )
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคราวที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยดำเนินการสร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพใกล้เสร็จ ขณะนั้นพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยหลวงศรีประกาศ ส.ส.เชียงใหม่ รู้สึกประทับใจผลงานของครูบาอภิชัยขาวปีมาก ที่ได้พาชาวกะเหรี่ยงประมาณ 500 คนไปช่วยทำถนนด้วยความแข็งขัน
จึงได้ขอร้องให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยทำการอุปสมบทให้แก่ครูบาอภิชัยขาวปีเพื่อเป็นภิกษุอีกครั้งหนึ่ง ณ วัดพระสิงห์ โดยอ้างว่าสภาพของครูบาอภิชัยขาวปีนั้นมีลักษณะคาบลูกคาบดอก
“คือพระก็ไม่ใช่ ขะโยมก็ไม่เชิง”
การอุปสมบทครั้งสุดท้ายนี้ถูกดึงไปเป็นเหตุผลหนึ่งให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยเองก็ถูกคดีต้องอธิกรณ์อีกครั้ง (เป็นครั้งที่ 6 และครั้งสุดท้าย) ด้วยข้อหาว่าทำการอุปสมบทให้แก่ครูบาอภิชัยขาวปี
“ผ้าขาวปี๋ หรือหนานปี๋ ซึ่งคณะสงฆ์ประกาศห้ามมิให้อุปสมบท เนื่องจากเคยขโมยตัดไม้สักในป่า มาสร้างวิหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ จึงถูกคณะสงฆ์ลงโทษเป็นทุติยปาราชิก”
เพื่อตัดวงจรแห่งมารผจญ นับเป็นครั้งสุดท้ายแห่งการครองผ้าไตรจีวร ในที่สุดครูบาอภิชัยขาวปีก็มองเห็นสัจธรรมว่า
“ไม่ว่าจะห่มเหลืองหรือห่มขาว ขอให้ยึดมั่นต่อคุณงามความดีเท่านั้น ความเป็นพระอยู่ที่ใจมิใช่อยู่ที่สีของจีวร” จากนั้นท่านได้ตั้งสัจจวาจาว่าไม่ขอกลับคืนสู่ผ้าเหลืองชั่วนิรันดร์ 080-1259886 แดนเชียงใหม่ซื้อด้วยความเข้าใจขายด้วยความรับผิดชอบ 5,000.- สมราคากับสิ่งของที่พิเศษเช่นนี้ครับ
|