ศักดิ์ศรีตะกรุดยอดนิยมชั้นแนวหน้าของเมืองไทยที่มากด้วยประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานร่ำลือกันมาในทุกยุคทุกสมัย ด้วยความโดดเด่นเลิศล้ำทางด้านคงกระพันแคล้วคลาดเป็นที่สุด.. สำหรับยันต์ที่ลงในตะกรุดเรียกกันว่า "ยันต์อสิสัตติ" หรือ “พระเจ้าห้ามอาวุธ” (เป็นคาถาตอนพระพุทธเจ้าถูกนายขมังธนูที่พระเจ้าอชาติศัตรูส่งมารอบยิงแต่ด้วยพุทธบารมีปรากฏว่านายขมังธนูไม่สามารถง้างธนูยิงได้ จนได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าและยอมรับพระไตรสรณาคมในที่สุด) สำหรับการลงอักขระในพระคาถาหมวดนี้มีการลงอักขระแบบลงสลับไปมาในช่องต่าง ๆ ไม่ได้เรียงกันอย่างการอ่านธรรมดา เรียกว่าเป็นกลบทนั่นเอง คาถานี้ใช้เป็นคาถาหลักในการปลุกเสกตะกรุดด้วยครับ
ที่มีสมญาว่า "ตะกรุดคู่ชีวิต" ในสมัยก่อนเราเรียกยันต์นี้ว่า ยันต์คู่ชีวิต คือ มีอยู่แล้วชีวิตอยู่คง เป็นยันต์ที่ได้ใช้กันมานาน ตั้งแต่สมัยอยุธยายังรุ่งโรจน์ เป็นยันต์ๆ หนึ่งในตำราพิชัยสงครามได้ระบุไว้ “เป็นยันต์ชั้นสูงหาค่าประมาณมิได้”
((จากตำราสมุดข่อยของ หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เขียนไว้ว่า "ยันต์นี้ลงตะกรุด ไม่ต้องเสกยิงเอาเถิด" เพียงเท่านี้ จะเห็นว่ายันต์นี้มีอานุภาพคงกระพันเพียงใด และมีความขลังเพียงใด))
นอกจากตะกรุดคู่ชีวิตอันเลื่องชื่อของท่านแล้วตามประวัติท่านยังได้ทำตะกรุดไว้อีกหลายอย่าง อย่างเช่น ตะกรุดสาริกา , ตะกรุดเมตตา ซึ่งยันต์ที่ลงไม่ใช่ยันต์อสิสะติหรือยันต์คู่ชีวิต (แต่มีบางดอกของดอกเล็กสาริกาเป็นการย่อยันต์อสิสติหรือยันต์คู่ชีวิตให้เล็กลง) แต่ตะกรุดเมตตาส่วนใหญ่จะลงเป็นยันต์ทางเมตตามหานิยมค้าขายเป็นต้น ทำเพื่อแจกให้ผู้หญิงและเด็กด้วยมีขนาดเล็ก ใช้คล้องคอ หรือ พกพาง่าย
ตะกรุดของหลวงพ่อพิธมีด้วยกันหลายแบบ (เพราะศิษย์หลายคนจารอักขระให้ต่างกัน) ดอกที่หลวงพ่อพิธจารเองด้วยมือนั้น อักขระจะอ่านค่อนข้างยากเพราะท่านจารด้วยปราณ หมายถึง จะต้องจารอักขระให้เสร็จในอึดใจเดียว
|