“หลวงพ่อฮวด” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2447 ปีมะโรง ที่ ต.ดอนหวาย อ.ทับทัน จ.อุทัยธานี เดิม
มีชื่อว่า “ฮวด” นามสกุล “พงษ์ทอง” บิดาชื่อ “นายสา” มารดาชื่อ “นางมี” มีอาชีพทำนาและพี่น้อง 4 คน
“หลวงพ่อ” อุปสมบทที่ วัดพนมรอก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เมื่อปี พ.ศ.2466ได้รับฉายาว่า “กณฑโว”
โดยมี “เจ้าคุณนิพัทธรรมจารย์ วัดพนมรอก” เป็นพระอุปัชฌาย์หลังอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาและ
ปรนนิบัติรับใช้พร้อมทั้งเล่า เรียนพระธรรมวินัยพระปริยัติธรรมและวิทยาคมจาก “พระอุปัชฌาย์” แล้วจึง
ย้ายไปจำพรรษาที่ “วัดหัวถนนใต้” ตลอดมานอกจากนี้ยังได้เดินทางไปศึกษาวิทยาคมจาก “หลวงพ่อสุข
วัดสระโบสถ์” ต.ดอนคำ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ และยังได้รับตำราใบลานของ “หลวงพ่อเฒ่า แห่งวัด
หนองโพ” ซึ่งเป็นอาจารย์ของ “หลวงพ่อเดิม” โดยได้รับคำชี้แนะอย่างใกล้ชิดจาก “หลวงพ่อเดิม” อีกด้วย
โดยในสมัยนั้น “หลวงพ่อเดิม” ได้รับกิจนิมนต์ไปยังที่ใดก็มักจะชวน “หลวงพ่อฮวด” ร่วมเดินทางไปด้วย
เสมอจึงนับได้ว่า “หลวงพ่อฮวด” เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ “หลวงพ่อเดิม” และยังได้ศึกษาวิทยาคม
เพิ่มเติมจากหลวงพ่อเดิมอีกด้วยถึงกระนั้นก็มิได้หยุด การเสาะแสวงหาอาจารย์เพื่อขอถ่ายทอดคาถา
อาคม จึงไปทำการศึกษาวิชาเพิ่มเติมจาก “หลวงพ่อพุฒ” จังหวัดอ่างทอง “หลวงพ่อนอ” จังหวัดอยุธยาทั้ง
นี้เพราะหลวงพ่อแต่ละรูปก็เก่งกันไปคนละด้านนั่นเอง ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.2474ได้รับแต่งตั้งเป็น “เจ้า
อาวาสวัดหัวถนนใต้” และ “เจ้าคณะตำบลหัวถนน” ด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อจึงได้รับพระราชทาน
สมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท “พระครูนิยุตธรรมประวิตร” เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2531 “หลวง
พ่อฮวด” ถึงแก่มรณกาลเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2535 อายุได้ 89 ปี พรรษาที่ 68 คณะศิษย์จึงจัดพิธีสรง
น้ำศพขึ้นที่วัดเวลาประมาณ 16.30 น.ขณะเริ่มสรงน้ำศพก็ปรากฏฝนได้โปรยปรายลงมาทั้งๆที่ยังมีแดด
ยังความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก จากนั้นคณะศิษย์ได้บรรจุร่างของท่านลงในโลงแก้ว เพื่อให้
สาธุชนได้กราบไหว้บูชาและจัดสวดพระอภิธรรมถวายท่านใน100วันแรก ซึ่งระหว่างนี้ปรากฏว่าผู้คนที่
แวะไปกราบไหว้ ต่างก็มีโชคมีลาภจากเลขอายุและเลขพรรษาอย่างทั่วหน้า ยิ่งกว่านั้นสภาพสังขารของ
ท่านดุจดั่งคนนอนหลับธรรมดาไม่มีการเน่าเปื่อย ทั้งๆที่มิได้ฉีดยาหรือปิดฝาโลงด้วยสุญญากาศแต่อย่าง
ใด แถมเส้นเกศายังค่อยๆงอกยาวขึ้นอีกด้วย คณะศิษย์จึงมีมติให้จัดสร้างพระวิหารถวายท่าน เพื่อเป็นที่
ตั้งศพและที่สิงสถิตดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมเครื่องอัฐบริขารของท่านไว้ให้สาธุชนทั่วไปสักการะ
กราบไหว้บูชาสืบไป
จากนั้นผ่านไปอีก 4 ปี หนังสือพิมพ์รายวัน “เดลินิวส์” ที่ท่านอ่านอยู่นี้ฉบับวันที่ 8 เมษายน 2539 ได้
เสนอข่าวพาดหัวว่า “เผยปาฏิหาริย์ปู่ฮวด” โดยเนื้อข่าวสรุปว่าทางวัดหัวถนนใต้และคณะศิษย์ได้เปิดโลง
แก้ว เพื่อชำระทำความสะอาดร่างหลวงพ่อฮวดเพื่อทำบุญวันสงกรานต์ หลังจากหลวงพ่อฮวดได้มรณภาพ
มา 4 ปีแล้ว ปรากฏว่าร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย แต่กลับกลายเป็นหินแข็งมีสีเป็นทอ
|