พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
พระเกจิอาจารย์ทั่วไป

เหรียญหลวงปู่ใจหลังหลวงพ่อพลบ


เหรียญหลวงปู่ใจหลังหลวงพ่อพลบ


เหรียญหลวงปู่ใจหลังหลวงพ่อพลบ

ชื่อพระ :
 เหรียญหลวงปู่ใจหลังหลวงพ่อพลบ
รายละเอียด :
 

เหรียญหลวงปู่ใจหลังหลวงพ่อพลบ  วัดปราโมทย์ ออกปี 2495  ปลุกเสกโดย สามพระอาจารย์ที่ไม่ธรรมดาคือหลวงปู่ใจ  หลวงพ่อทองศุข วัดตะโหนดหลวง หลวงพ่อพลบ  วัดปราโมทย์  พุทธคุณแค่ 1 อาจารย์ก็คุ้มตัวคุ้มภัยได้แล้ว 

                 สำหรับประวัติหลวงปู่ใจ ผู้สร้างเหรียญอริยสัจ รุ่นแรกขึ้นมานั้น ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2405 ณ บ้านตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม มีชื่อเดิมว่า ใจ ขำสมชัย บิดาชื่อ นายขำ ขำสมชัย มารดาชื่อ นางหุ่น ขำสมชัย หลวงปู่ใจมีพี่น้องด้วยกันถึง 11 คน โดยเป็นหญิง 6 ชาย 5 ต่อมาครอบครัวของท่านได้ย้ายมายังหมู่ที่ 9 ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อันเป็นภูมิลำเนาเดิมของปู่ และบิดา จึงเมื่ออายุได้ 21 ปีบริบูรณ์ ก็ได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดบางเกาะเทพศักดิ์ เมื่อวันแรม 11 ค่ำ เดือน 7 ปีมะแม โดยมีพระอุปัชฌาย์จุ้ย วัดบางเกาะเทพศักดิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "อินฺทสุวณฺโณ" พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ อินฺทสุวณฺโณ) หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษายังวัดบางเกาะเทพศักดิ์ เพื่อศึกษาทั้งด้านวินัยและด้านพระปริยัติ จนมีความรู้แตกฉาน ทั้งอักษรไทยและขอม สำหรับการเรียนหนังสือขอม เป็นที่สำคัญยิ่งสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ด้วยพระไตรปิฎกนั้น แต่เดิมเขียนด้วยอักษรขอม เพิ่งจะเขียนด้วยอักษรไทยในสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส นี่เอง นอกเหนือไปจากการศึกษาด้านพระวินัย พระปริยัติแล้วนั้น หลวงปู่ใจยังให้ความสนใจในเรื่องของคาถาอาคม และได้ขอเล่าเรียนจากครูบาอาจารย์หลายท่าน ต่อเมื่อท่านออกเดินธุดงค์เพื่อฝึกจิตสมาธิในพงไพรกว้าง ตอนใดที่พบพานพระธุดงค์ด้วยกัน ท่านมักขอศึกษาวิชาด้วย กล่าวว่าท่านมีโอกาสได้เรียนรู้วิชาทางสมาธิจากพระอุปัชฌาย์ยิ้ม วัดหนองบัว จากในป่านั้นเอง ในคราที่ท่านเดินธุดงค์ไปพบกับหลวงปู่ยิ้ม ต่อมาได้มีนางอิ่มและนายอ่อน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของหลวงปู่ใจ ได้ยกที่ดิน 3 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา ถวายให้พระสมุห์แพ วัดใหม่ยายเงิน (วัดราษฎร์บูรณะ) ฐานานุกรมของพระครูวิมลเกียรติ (เกลี้ยง) วัดบางสะแก แต่ด้วยพระสมุห์แพ อาพาธลงเสียก่อน จึงได้มอบโฉนดที่ดินให้แก่ขุนศรีโยธามาตย์ภักดี (บุตร) กับหมื่นชำนาญ (โพน) เพื่อนำไปมอบให้แก่เจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่ง เพื่อดำเนินการสร้างวัดขึ้นตามเจตนาของผู้บริจาค ซึ่งที่ดินเหล่านี้ ได้นำมามอบให้กับพระอุปัชฌาย์จุ้ย วัดบางเกาะ และได้ดำเนินการสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2434 ด้วยเงินสมทบบริจาคจำนวน 260 บาท พร้อมทั้งแต่งตั้งให้หลวงปู่ใจ ซึ่งอุปสมบทมาได้ 8 พรรษาแล้ว เป็นผู้ปกครองสำนักสงฆ์แห่งนี้ มีพระภิกษุจำพรรษาด้วย 4 รูป วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2434 ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ท่านพระครูวิมลเกียรติ (ป้าน) เจ้าอาวาสวัดเหมืองใหม่ เจ้าคณะแขวงเมืองราชบุรี ได้แต่งตั้งให้พระใจ เป็นเจ้าอาวาส และเป็นพระอธิการปกครองวัด มีชื่อวัดว่า วัดใหม่ยายอิ่ม ตามนามผู้ถวายที่ดิน เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเป็นวิสุงคามสีมาแล้ว จึงให้ชื่อวัดใหม่ว่า "วัดใหม่ใต้ปากคลองดอน" ครั้นเมื่อปี พ.ศ.2458 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จมาตรวจการณ์คณะสงฆ์ และได้เสด็จมายังวัดใหม่ใต้ปากคลองดอน ได้ทรงตั้งนามวัดใหม่ว่า "วัดเสด็จ" อีกบทความหนึ่งครับ.............................. ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพนับถือท่านมากมาย ท่านได้เคยสร้างพระไว้หลายอย่าง ทั้งเหรียญและพระหล่อเนื้อเมฆพัด พระปรกใบมะขามเนื้อเมฆพัดของท่านจัดเข้าอยู่ในชุดพระเบญจฯปรกใบมะขาม ซึ่งโด่งดังมาก // นอกจากพระเครื่องแล้วท่านยังได้สร้างตะกรุดไว้หลายแบบ ที่โดดเด่นมากก็คือตะกรุดลูกอม ที่มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนาค ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว กาญจนบุรี  หลวงปู่ใจท่านเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2405  หลวงปู่ใจท่านได้รับสมณศักดิ์ดังต่อไปนี้

 

   พ.ศ. 2458 เป็นผู้รั้งเจ้าคณะแขวงบางคนที

 

    พ.ศ. 2460 เป็นเจ้าคณะแขวงบางคนที และได้รับพระราชทานสัญญาบัตรมีพระราชทินนามว่า "พระครูสุทธิสาร" /

 

    พ.ศ. 2469 เป็นเจ้าคณะแขวงอัมพวา พ.ศ. 2495 เป็นพระสุทธิสารวุฒาจารย์

 

    พ.ศ. 2504 เป็นพระราชมงคลวุฒาจารย์

 

      หลวงปู่ใจท่านมรณภาพวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2505 สิริอายุได้ 100 ปี พรรษาที่ 78 // ในสมัยที่หลวงปู่ใจท่านกำลังสร้างวัดเสด็จอยู่นั้นท่านได้เดินทางไปที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่บ่อยๆ เพื่อไปหาซื้อไม้มาสร้างวัด ท่านขึ้นล่องอยู่หลายปีจึงสร้างวัดได้สำเร็จ // และทุกปีท่านจะมาแวะพักที่วัดหนองบัว เอาหมากพลูมาถวายหลวงปู่ยิ้ม ซึ่งท่านเคารพหลวงปู่ยิ้มมาก มีอยู่ปีหนึ่งหลวงปู่ยิ้มพูดเปิดทางให้กับท่านว่าถ้าสนใจในวิทยาคมก็จะถ่ายทอดให้ // ท่านจึงรีบขอเป็นศิษย์ทันที หลวงปู่ยิ้มได้มอบบทเรียนบทแรกว่าด้วยการทดสอบพลังจิต โดยจุดเทียนตั้งไว้ที่ขัดน้ำมนต์ แล้วให้ท่านเพ่งกระแสจิตไปที่เทียนให้เทียนขาดกลางให้ได้ // ถ้าทำได้เมื่อใดจึงจะมอบวิชาให้ หลวงปู่ใจท่านทำอยู่ 7 คืน เทียนก็ไม่ยอมขาด หลังจากกลับมาพัก ท่านจึงตัดสินใจว่าถ้าหากคืนพรุ่งนี้เทียนยังไม่ขาด ก็จะกลับอัมพวา ปรากฏว่าคืนวันที่ 8 ท่านทำได้สำเร็จ // ท่านสามารถเพ่งกระแสจิตตัดเทียนให้ค่อยๆ ละลายขาดลงตรงกลาง หลวงปู่ยิ้มได้กล่าวชมว่า "เมื่อแรกเรียนท่านก็เก่งกว่าเสียแล้ว" เพราะหลวงปู่ยิ้มเองต้องทำอยู่ถึง 15 วัน // หลวงปู่ยิ้มจึงถ่ายทอดวิชาว่าด้วยการสร้างตะกรุดปราบหงสามหาระงับ ตะกรุดลูกอมอันเลื่องลือของท่านให้แก่หลวงปู่ใจจนหมดสิ้น // ตะกรุดของหลวงปู่ใจท่านจะสร้างด้วยความพิถีพิถันใช้ความประณีตบรรจง ตะกรุดแต่ละดอกจะมีขนาดเท่ากัน ลักษณะการม้วนจะเหมือนกัน การขวั้นไหม 5 สี ร้อยตะกรุดลูกอม ก็ต้องใช้ไหมที่มีขนาดเท่ากันทุกเส้นเวลาขวั้นต้องจัดเกลียวให้เป็นระเบียบ และท่านจะปลุกเสกของๆ ท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น ตะกรุดลูกอมของหลวงปู่ใจจะมีอยู่ 3 เนื้อคือ เนื้อทองคำ เนื้อนาค และเนื้อเงิน ปัจจุบันตะกรุดลูกอมของหลวงปู่ใจนั้นหายาก ทุกคนที่มีต่างหวงแหนครับ

 

 

วัตถุมงคลอันได้ชื่อว่าโดดเด่นยิ่งของพระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ อินฺทสุวณฺโณ)

กล่าวเฉพาะตะกรุดที่พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ อินฺทสุวณฺโณ) ได้สร้างไว้ มีหลายรูปแบบ ทั้ง ตะกรุดโทนยาว ตะกรุดโทนสั้น ตะกรุดมหาระงับ ตะกรุดมหาปราบ ตะกรุดลูกอมสอดไหม ตะกรุดมหารูด ตะกรุดคลอดลูก ตะกรุดแปดทิศ

ในอักขราภิธานศรับท์ ของหมอบรัดเลย์ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ.2416 ได้กล่าวถึงตะกรุด ว่า

"
ตะกรุด, เปนชื่อเครื่องสำหรับแต่งตัว, ทำด้วยทองคำบ้าง เงินบาง ทองแดงบ้าง ตะกั่วบ้าง, เหมือนอย่างที่พวกไปทับผูกกันอันตรายนั้น"

และพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 กล่าวถึงตะกรุด ว่า

"
ตะกรุด น. เครื่องรางอย่างหนึ่ง ทำด้วยโลหะ หรือใบลาน เป็นต้น โดยปกติลงคาถาอาคมแล้วม้วนเป็นรูปกลมยาวและกลวง, ตะกรุด ก็ว่า"

กล่าวสำหรับตะกรุดลูกอมโลกธาตุ สร้างขึ้นด้วยแผ่นโลหะเนื้อเงิน มีจารอักขระเลขยันต์ และเสกกำกับด้วยหัวใจคาถาโลกธาตุ 10 ทั้งสองด้าน และที่สำคัญจะร้อยด้วยไหมถัก 4 สี เรียกกันโดยมากว่า 7 สีบ้าง, 5 สีบ้าง ให้เป็นมงคล แต่ความจริงมีเพียง 4 สีเท่านั้น โดยถือเอาสีที่อยู่ในวรรณะกสิณ หรือวรรณะ (สี) 4 คือ เขียว เหลือง แดง และขาว

 
ราคาเปิดประมูล :
 100 บาท
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
 100 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
 50 บาท

เงื่อนไขการรับประกัน :
 เก๊คืนเงินเต็ม

ผู้ตั้งประมูล :
 wichai y.dithee
ที่อยู่ :
 30/90หมู่1 ถนนพระราม2 ซอย 49 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. thailand (ID LINE : hanuman99)

เบอร์โทรติดต่อ :
  0918849213, 0918849213
E-mail :
 chutchaiy@yahoo.com

ชื่อบัญชี :
 นายอภิชัย แย้มแก้วดิถึ
เลขที่ บัญชี :
 1180342568
ประเภท บัญชี :
 ออมทรัพย์
ธนาคาร :
 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สาขา :
 สีลม

วันที่ :
 Wed 12, Jan 2011 11:37:15
โดย : hanuman2499    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   Wed 12, Jan 2011 11:37:15
 








 

วัดโตนดหลวง เป็นวัดที่มีโบสถ์เป็นรูปเรือขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๙ บ้านโตนดหลวง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นวัดเก่าแก่โบราณมาแต่อดีต สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือตอนต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ยังไม่สามารถสืบเสาะได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง

ภายในวัดยังอนุรักษ์ถาวรวัตถุเก่าๆ ไว้เป็นอย่างดี มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้คงสภาพเดิมอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุโบสถ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "อุโบสถมหาอุตม์"

อุโบสถมหาอุตม์ เป็นโบสถ์ที่ค่อนข้างแปลก ไม่เหมือนวัดอื่นใด คือมีลักษณะคล้ายๆ กับเรือสำเภา ประตูหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนด้านข้างจะมีหน้าต่างด้านละ ๒ บาน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะวัดนี้ไม่ซ้ำแบบใคร

ส่วนสาเหตุที่มาของชื่อโบสถ์นั้น ยังคลำหามูลเหตุของชื่อดังกล่าวไม่ได้

หลวงพ่อทองศุข มีตามหลักฐานใบสุทธิระบุว่า "ศุข ดีเลิศ" เป็นชื่อและสกุลเดิมของท่าน หลวงพ่อมีผิวสีดำแดง สัณฐานสันทัด ตำหนิใต้คาง บิดาชื่อ นายจู มารดาชื่อ นางทิม เกิดเมื่อปีฉลู วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๒๑ ณ ต.บางเก่า อ.หนองจอก จ.เพชรบุรี

เมื่ออายุ ๙ ปี ครอบครัวของท่านได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านโพธิ์ อ.บ้านลาด บิดามารดาจึงนำท่านไปฝากกับเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เพื่อเล่าเรียนหนังสือไทยและขอม โดยเป็นศิษย์ของเจ้าอาวาส หลวงพ่อเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ และยังเรียนหนังสือขอมและบาลีอีกด้วย

นอกจากนี้ หลวงพ่อทองศุขยังมีนิสัยรักการต่อสู้ รักในวิชาหมัดมวย กระบี่กระบอง จนต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์ลูกหาในวิชาเหล่านี้หลายคน

ต่อมา เมื่ออายุ ๑๕ ปี ครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ที่บ้านเพลง จ.ราชบุรี เป็นช่วงที่หลวงพ่อเป็นวัยรุ่น หนุ่มคะนอง จึงชอบเที่ยวเตร่คบเพื่อน ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ชอบไปแสดงลิเก ละคร โขนหนัง จนถึงขั้นเป็นครูสอนผู้อื่นได้

ครั้นเมื่อเบื่อการแสดง ลิเก ละคร ฯลฯ แล้ว ท่านก็เที่ยวเตร่ไปโดยไม่มีจุดหมาย จนไปคบพวกนักเลงอันธพาล จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาลไปด้วย และในที่สุดก็เป็นอาชญากรสำคัญในย่านเพชรบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม ต้องคอยหลบหนีอาญาบ้านเมือง ซุกซ่อนอยู่ในป่าด้วยความลำบากยากแค้นยิ่ง

ขณะมีอายุได้ ๓๒ ปี ครั้งหนึ่งหลบหนีเข้าไปในป่า จนไม่ได้กินอาหารเลย ๓ วัน ตอนนี้จึงสำนึกตัวว่าตนดำเนินชีวิตมาผิดทางเสียแล้ว ถ้าไม่กลับตัวย่อมจะได้รับความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ จึงตัดสินใจเล็ดลอดเข้าอุปสมบท ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๕๒ ณ วัดปราโมทย์ ต.โรงหวี อ.บางคนฑี จ.สมุทรสงคราม โดยมี หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อตุย วัดปราโมทย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อคง วัดแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาว่า "อินทรโชโต"

เมื่ออุปสมบทแล้ว จำพรรษาที่วัดปราโมทย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และวิปัสสนาธุระ กับหลวงพ่อตุย ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ด้วยความมุมานะ และขยันหมั่นเพียร จึงได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจนหมดสิ้น ทุกกระบวนวิชา เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ยิ่งนัก

หลวงพ่อตุยถ่ายทอดวิชาอาคมอย่างไม่มีการปิดบังอำพราง จนท่านไม่มีวิชาอะไรจะสอนอีก จึงแนะนำให้ไปหา หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน

หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้ปราดเปรื่องในด้านไสยเวทย์ ท่านเป็นอาจารย์รูปหนึ่งในหลายๆ รูปของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ดังนั้นเรื่องคาถาอาคมจึงเชื่อขนมกินได้ว่า ไม่มีคำว่า "ผิดหวัง" อย่างแน่นอน

หลวงพ่อทองศุข มีชื่อเสียงในด้านการสักยันต์และลงกระหม่อม ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงและบรรดาศิษยานุศิษย์จากต่างถิ่นนิยมชมชอบเรื่องการสักยันต์ และลงกระหม่อมมาก ปากต่อปากถึงคุณวิเศษ จึงทำให้มีคนเดินทางมายังวัดโตนดหลวงกันมากมาย กุฏิหลวงพ่อทองสุขจะแน่นขนัดไปด้วยลูกศิษย์ ชนิดที่เรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งทีเดียว แม้แต่คนใหญ่คนโต ระดับประเทศ ยังเคารพเลื่อมใส ถวายตัวเป็นศิษย์ และรักการสักยันต์ ตลอดจนลงกระหม่อมให้ เช่น พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นต้น

ใน พ.ศ.๒๔๕๘ หลวงพ่อทองศุข ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวง ปกครองบรรดาพระเณรภายในวัด และด้วยคุณงามความดี ประกอบกับผลงานด้านการพัฒนา คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งเป็นพระครูกรรมการศึกษา ต่อมาก็ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ จนกระทั่งได้รับสมณศักดิ์ป็น "พระครูพินิจสุดคุณ"

เหรียญหลวงพ่อทองศุข รุ่นแรก สร้าง พ.ศ.๒๔๙๒ เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าอุโบสถ สร้างด้วยเนื้อทองแดงแบบมีกะไหล่ทอง และทองแดงผิวไฟ จำนวนประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ ปัจจุบันเป็นเหรียญที่หายากมาก ของเก๊มีจำนวนมาก การเช่าหาต้องพิจารณาให้ดี สนนราคาสวยๆ หลักแสนต้นๆ เลยทีเดียว

เหรียญหลวงพ่อทองศุข รุ่นสอง สร้าง พ.ศ.๒๔๙๘ เพื่อแจกในงานฉลองกุฏิ มีด้วยกัน ๓ เนื้อ คือ เนื้อทองคำ เงิน และทองแดง มีทั้งพิมพ์สระอิติดขอบ และไม่ติดขอบ ทั้งสองพิมพ์ความนิยมเหมือนกัน

เนื้อทองคำสวยๆ สนนราคาเกือบล้านทีเดียว ส่วนเนื้อเงิน ๒-๓ แสน และทองแดง ๑-๒ แสนบาท ปัจจุบันของเก๊ค่อนข้างเหมือนมาก หากสนใจเช่าหา ต้องพิจารณาให้ดี หลวงพ่อทองสุขได้ชื่อว่ามีพลังเมตตามหานิยม และคงกระพันเป็นเลิศ

ปัจจุบัน วัดโตนดหลวง มี พระครูพิพัฒน์นพกิจ (หลวงพ่อย้อน ธมมวิโส) เป็นเจ้าอาวาส สาธุชนที่สนใจจะไปเที่ยววัดนี้ นั่งรถไปตามถนนเลียบชายทะเล จากหาดเจ้าสำราญไป ยังชะอำ ประมาณ ๑๕-๑๖ กิโลเมตร เมื่อถึงค่ายศรียานนท์ อยู่ด้านทิศตะวันออก ส่วนด้านทิศตะวันตก จะเห็นอุโบสถสูงตระหง่านอยู่ในเรือสำเภา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับพระอุโบสถของวัดยานนาวาซึ่งมีเรือสำเภาและองค์เจดีย์ตั้งอยู่ตรงกลางเรือเช่นกัน แต่ก็ไม่ใหญ่โตเหมือนอุโบสถที่อยู่ในเรือของวัดโตนดหลวง

สอบถามรายละเอียดได้ที่ วัดโตนดหลวง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โทร.๐-๓๒๔๔-๘๐๗๙, ๐-๙๒๕๘-๑๘๑๑

 
โดย : hanuman2499    [Feedback +0 -0] [+0 -0]     [ 3 ] Wed 12, Jan 2011 11:43:26

 

วัดโตนดหลวง เป็นวัดที่มีโบสถ์เป็นรูปเรือขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๙ บ้านโตนดหลวง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นวัดเก่าแก่โบราณมาแต่อดีต สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือตอนต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ยังไม่สามารถสืบเสาะได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง

ภายในวัดยังอนุรักษ์ถาวรวัตถุเก่าๆ ไว้เป็นอย่างดี มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้คงสภาพเดิมอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุโบสถ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "อุโบสถมหาอุตม์"

อุโบสถมหาอุตม์ เป็นโบสถ์ที่ค่อนข้างแปลก ไม่เหมือนวัดอื่นใด คือมีลักษณะคล้ายๆ กับเรือสำเภา ประตูหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนด้านข้างจะมีหน้าต่างด้านละ ๒ บาน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะวัดนี้ไม่ซ้ำแบบใคร

ส่วนสาเหตุที่มาของชื่อโบสถ์นั้น ยังคลำหามูลเหตุของชื่อดังกล่าวไม่ได้

หลวงพ่อทองศุข มีตามหลักฐานใบสุทธิระบุว่า "ศุข ดีเลิศ" เป็นชื่อและสกุลเดิมของท่าน หลวงพ่อมีผิวสีดำแดง สัณฐานสันทัด ตำหนิใต้คาง บิดาชื่อ นายจู มารดาชื่อ นางทิม เกิดเมื่อปีฉลู วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๒๑ ณ ต.บางเก่า อ.หนองจอก จ.เพชรบุรี

เมื่ออายุ ๙ ปี ครอบครัวของท่านได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านโพธิ์ อ.บ้านลาด บิดามารดาจึงนำท่านไปฝากกับเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เพื่อเล่าเรียนหนังสือไทยและขอม โดยเป็นศิษย์ของเจ้าอาวาส หลวงพ่อเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ และยังเรียนหนังสือขอมและบาลีอีกด้วย

นอกจากนี้ หลวงพ่อทองศุขยังมีนิสัยรักการต่อสู้ รักในวิชาหมัดมวย กระบี่กระบอง จนต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์ลูกหาในวิชาเหล่านี้หลายคน

ต่อมา เมื่ออายุ ๑๕ ปี ครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ที่บ้านเพลง จ.ราชบุรี เป็นช่วงที่หลวงพ่อเป็นวัยรุ่น หนุ่มคะนอง จึงชอบเที่ยวเตร่คบเพื่อน ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ชอบไปแสดงลิเก ละคร โขนหนัง จนถึงขั้นเป็นครูสอนผู้อื่นได้

ครั้นเมื่อเบื่อการแสดง ลิเก ละคร ฯลฯ แล้ว ท่านก็เที่ยวเตร่ไปโดยไม่มีจุดหมาย จนไปคบพวกนักเลงอันธพาล จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาลไปด้วย และในที่สุดก็เป็นอาชญากรสำคัญในย่านเพชรบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม ต้องคอยหลบหนีอาญาบ้านเมือง ซุกซ่อนอยู่ในป่าด้วยความลำบากยากแค้นยิ่ง

ขณะมีอายุได้ ๓๒ ปี ครั้งหนึ่งหลบหนีเข้าไปในป่า จนไม่ได้กินอาหารเลย ๓ วัน ตอนนี้จึงสำนึกตัวว่าตนดำเนินชีวิตมาผิดทางเสียแล้ว ถ้าไม่กลับตัวย่อมจะได้รับความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ จึงตัดสินใจเล็ดลอดเข้าอุปสมบท ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๕๒ ณ วัดปราโมทย์ ต.โรงหวี อ.บางคนฑี จ.สมุทรสงคราม โดยมี หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อตุย วัดปราโมทย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อคง วัดแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาว่า "อินทรโชโต"

เมื่ออุปสมบทแล้ว จำพรรษาที่วัดปราโมทย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และวิปัสสนาธุระ กับหลวงพ่อตุย ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ด้วยความมุมานะ และขยันหมั่นเพียร จึงได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจนหมดสิ้น ทุกกระบวนวิชา เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ยิ่งนัก

หลวงพ่อตุยถ่ายทอดวิชาอาคมอย่างไม่มีการปิดบังอำพราง จนท่านไม่มีวิชาอะไรจะสอนอีก จึงแนะนำให้ไปหา หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน

หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้ปราดเปรื่องในด้านไสยเวทย์ ท่านเป็นอาจารย์รูปหนึ่งในหลายๆ รูปของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ดังนั้นเรื่องคาถาอาคมจึงเชื่อขนมกินได้ว่า ไม่มีคำว่า "ผิดหวัง" อย่างแน่นอน

หลวงพ่อทองศุข มีชื่อเสียงในด้านการสักยันต์และลงกระหม่อม ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงและบรรดาศิษยานุศิษย์จากต่างถิ่นนิยมชมชอบเรื่องการสักยันต์ และลงกระหม่อมมาก ปากต่อปากถึงคุณวิเศษ จึงทำให้มีคนเดินทางมายังวัดโตนดหลวงกันมากมาย กุฏิหลวงพ่อทองสุขจะแน่นขนัดไปด้วยลูกศิษย์ ชนิดที่เรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งทีเดียว แม้แต่คนใหญ่คนโต ระดับประเทศ ยังเคารพเลื่อมใส ถวายตัวเป็นศิษย์ และรักการสักยันต์ ตลอดจนลงกระหม่อมให้ เช่น พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นต้น

ใน พ.ศ.๒๔๕๘ หลวงพ่อทองศุข ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวง ปกครองบรรดาพระเณรภายในวัด และด้วยคุณงามความดี ประกอบกับผลงานด้านการพัฒนา คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งเป็นพระครูกรรมการศึกษา ต่อมาก็ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ จนกระทั่งได้รับสมณศักดิ์ป็น "พระครูพินิจสุดคุณ"

เหรียญหลวงพ่อทองศุข รุ่นแรก สร้าง พ.ศ.๒๔๙๒ เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าอุโบสถ สร้างด้วยเนื้อทองแดงแบบมีกะไหล่ทอง และทองแดงผิวไฟ จำนวนประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ ปัจจุบันเป็นเหรียญที่หายากมาก ของเก๊มีจำนวนมาก การเช่าหาต้องพิจารณาให้ดี สนนราคาสวยๆ หลักแสนต้นๆ เลยทีเดียว

เหรียญหลวงพ่อทองศุข รุ่นสอง สร้าง พ.ศ.๒๔๙๘ เพื่อแจกในงานฉลองกุฏิ มีด้วยกัน ๓ เนื้อ คือ เนื้อทองคำ เงิน และทองแดง มีทั้งพิมพ์สระอิติดขอบ และไม่ติดขอบ ทั้งสองพิมพ์ความนิยมเหมือนกัน

เนื้อทองคำสวยๆ สนนราคาเกือบล้านทีเดียว ส่วนเนื้อเงิน ๒-๓ แสน และทองแดง ๑-๒ แสนบาท ปัจจุบันของเก๊ค่อนข้างเหมือนมาก หากสนใจเช่าหา ต้องพิจารณาให้ดี หลวงพ่อทองสุขได้ชื่อว่ามีพลังเมตตามหานิยม และคงกระพันเป็นเลิศ

ปัจจุบัน วัดโตนดหลวง มี พระครูพิพัฒน์นพกิจ (หลวงพ่อย้อน ธมมวิโส) เป็นเจ้าอาวาส สาธุชนที่สนใจจะไปเที่ยววัดนี้ นั่งรถไปตามถนนเลียบชายทะเล จากหาดเจ้าสำราญไป ยังชะอำ ประมาณ ๑๕-๑๖ กิโลเมตร เมื่อถึงค่ายศรียานนท์ อยู่ด้านทิศตะวันออก ส่วนด้านทิศตะวันตก จะเห็นอุโบสถสูงตระหง่านอยู่ในเรือสำเภา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับพระอุโบสถของวัดยานนาวาซึ่งมีเรือสำเภาและองค์เจดีย์ตั้งอยู่ตรงกลางเรือเช่นกัน แต่ก็ไม่ใหญ่โตเหมือนอุโบสถที่อยู่ในเรือของวัดโตนดหลวง

สอบถามรายละเอียดได้ที่ วัดโตนดหลวง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โทร.๐-๓๒๔๔-๘๐๗๙, ๐-๙๒๕๘-๑๘๑๑

 
โดย : hanuman2499    [Feedback +0 -0] [+0 -0]     [ 2 ] Wed 12, Jan 2011 11:41:30









 

วัดโตนดหลวง เป็นวัดที่มีโบสถ์เป็นรูปเรือขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๙ บ้านโตนดหลวง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นวัดเก่าแก่โบราณมาแต่อดีต สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือตอนต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ยังไม่สามารถสืบเสาะได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง

ภายในวัดยังอนุรักษ์ถาวรวัตถุเก่าๆ ไว้เป็นอย่างดี มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้คงสภาพเดิมอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุโบสถ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "อุโบสถมหาอุตม์"

อุโบสถมหาอุตม์ เป็นโบสถ์ที่ค่อนข้างแปลก ไม่เหมือนวัดอื่นใด คือมีลักษณะคล้ายๆ กับเรือสำเภา ประตูหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนด้านข้างจะมีหน้าต่างด้านละ ๒ บาน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะวัดนี้ไม่ซ้ำแบบใคร

ส่วนสาเหตุที่มาของชื่อโบสถ์นั้น ยังคลำหามูลเหตุของชื่อดังกล่าวไม่ได้

หลวงพ่อทองศุข มีตามหลักฐานใบสุทธิระบุว่า "ศุข ดีเลิศ" เป็นชื่อและสกุลเดิมของท่าน หลวงพ่อมีผิวสีดำแดง สัณฐานสันทัด ตำหนิใต้คาง บิดาชื่อ นายจู มารดาชื่อ นางทิม เกิดเมื่อปีฉลู วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๒๑ ณ ต.บางเก่า อ.หนองจอก จ.เพชรบุรี

เมื่ออายุ ๙ ปี ครอบครัวของท่านได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านโพธิ์ อ.บ้านลาด บิดามารดาจึงนำท่านไปฝากกับเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เพื่อเล่าเรียนหนังสือไทยและขอม โดยเป็นศิษย์ของเจ้าอาวาส หลวงพ่อเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ และยังเรียนหนังสือขอมและบาลีอีกด้วย

นอกจากนี้ หลวงพ่อทองศุขยังมีนิสัยรักการต่อสู้ รักในวิชาหมัดมวย กระบี่กระบอง จนต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์ลูกหาในวิชาเหล่านี้หลายคน

ต่อมา เมื่ออายุ ๑๕ ปี ครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ที่บ้านเพลง จ.ราชบุรี เป็นช่วงที่หลวงพ่อเป็นวัยรุ่น หนุ่มคะนอง จึงชอบเที่ยวเตร่คบเพื่อน ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ชอบไปแสดงลิเก ละคร โขนหนัง จนถึงขั้นเป็นครูสอนผู้อื่นได้

ครั้นเมื่อเบื่อการแสดง ลิเก ละคร ฯลฯ แล้ว ท่านก็เที่ยวเตร่ไปโดยไม่มีจุดหมาย จนไปคบพวกนักเลงอันธพาล จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาลไปด้วย และในที่สุดก็เป็นอาชญากรสำคัญในย่านเพชรบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม ต้องคอยหลบหนีอาญาบ้านเมือง ซุกซ่อนอยู่ในป่าด้วยความลำบากยากแค้นยิ่ง

ขณะมีอายุได้ ๓๒ ปี ครั้งหนึ่งหลบหนีเข้าไปในป่า จนไม่ได้กินอาหารเลย ๓ วัน ตอนนี้จึงสำนึกตัวว่าตนดำเนินชีวิตมาผิดทางเสียแล้ว ถ้าไม่กลับตัวย่อมจะได้รับความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ จึงตัดสินใจเล็ดลอดเข้าอุปสมบท ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๕๒ ณ วัดปราโมทย์ ต.โรงหวี อ.บางคนฑี จ.สมุทรสงคราม โดยมี หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อตุย วัดปราโมทย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อคง วัดแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาว่า "อินทรโชโต"

เมื่ออุปสมบทแล้ว จำพรรษาที่วัดปราโมทย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และวิปัสสนาธุระ กับหลวงพ่อตุย ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ด้วยความมุมานะ และขยันหมั่นเพียร จึงได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจนหมดสิ้น ทุกกระบวนวิชา เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ยิ่งนัก

หลวงพ่อตุยถ่ายทอดวิชาอาคมอย่างไม่มีการปิดบังอำพราง จนท่านไม่มีวิชาอะไรจะสอนอีก จึงแนะนำให้ไปหา หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน

หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้ปราดเปรื่องในด้านไสยเวทย์ ท่านเป็นอาจารย์รูปหนึ่งในหลายๆ รูปของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ดังนั้นเรื่องคาถาอาคมจึงเชื่อขนมกินได้ว่า ไม่มีคำว่า "ผิดหวัง" อย่างแน่นอน

หลวงพ่อทองศุข มีชื่อเสียงในด้านการสักยันต์และลงกระหม่อม ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงและบรรดาศิษยานุศิษย์จากต่างถิ่นนิยมชมชอบเรื่องการสักยันต์ และลงกระหม่อมมาก ปากต่อปากถึงคุณวิเศษ จึงทำให้มีคนเดินทางมายังวัดโตนดหลวงกันมากมาย กุฏิหลวงพ่อทองสุขจะแน่นขนัดไปด้วยลูกศิษย์ ชนิดที่เรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งทีเดียว แม้แต่คนใหญ่คนโต ระดับประเทศ ยังเคารพเลื่อมใส ถวายตัวเป็นศิษย์ และรักการสักยันต์ ตลอดจนลงกระหม่อมให้ เช่น พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นต้น

ใน พ.ศ.๒๔๕๘ หลวงพ่อทองศุข ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวง ปกครองบรรดาพระเณรภายในวัด และด้วยคุณงามความดี ประกอบกับผลงานด้านการพัฒนา คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งเป็นพระครูกรรมการศึกษา ต่อมาก็ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ จนกระทั่งได้รับสมณศักดิ์ป็น "พระครูพินิจสุดคุณ"

เหรียญหลวงพ่อทองศุข รุ่นแรก สร้าง พ.ศ.๒๔๙๒ เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าอุโบสถ สร้างด้วยเนื้อทองแดงแบบมีกะไหล่ทอง และทองแดงผิวไฟ จำนวนประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ ปัจจุบันเป็นเหรียญที่หายากมาก ของเก๊มีจำนวนมาก การเช่าหาต้องพิจารณาให้ดี สนนราคาสวยๆ หลักแสนต้นๆ เลยทีเดียว

เหรียญหลวงพ่อทองศุข รุ่นสอง สร้าง พ.ศ.๒๔๙๘ เพื่อแจกในงานฉลองกุฏิ มีด้วยกัน ๓ เนื้อ คือ เนื้อทองคำ เงิน และทองแดง มีทั้งพิมพ์สระอิติดขอบ และไม่ติดขอบ ทั้งสองพิมพ์ความนิยมเหมือนกัน

เนื้อทองคำสวยๆ สนนราคาเกือบล้านทีเดียว ส่วนเนื้อเงิน ๒-๓ แสน และทองแดง ๑-๒ แสนบาท ปัจจุบันของเก๊ค่อนข้างเหมือนมาก หากสนใจเช่าหา ต้องพิจารณาให้ดี หลวงพ่อทองสุขได้ชื่อว่ามีพลังเมตตามหานิยม และคงกระพันเป็นเลิศ

ปัจจุบัน วัดโตนดหลวง มี พระครูพิพัฒน์นพกิจ (หลวงพ่อย้อน ธมมวิโส) เป็นเจ้าอาวาส สาธุชนที่สนใจจะไปเที่ยววัดนี้ นั่งรถไปตามถนนเลียบชายทะเล จากหาดเจ้าสำราญไป ยังชะอำ ประมาณ ๑๕-๑๖ กิโลเมตร เมื่อถึงค่ายศรียานนท์ อยู่ด้านทิศตะวันออก ส่วนด้านทิศตะวันตก จะเห็นอุโบสถสูงตระหง่านอยู่ในเรือสำเภา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับพระอุโบสถของวัดยานนาวาซึ่งมีเรือสำเภาและองค์เจดีย์ตั้งอยู่ตรงกลางเรือเช่นกัน แต่ก็ไม่ใหญ่โตเหมือนอุโบสถที่อยู่ในเรือของวัดโตนดหลวง

สอบถามรายละเอียดได้ที่ วัดโตนดหลวง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โทร.๐-๓๒๔๔-๘๐๗๙, ๐-๙๒๕๘-๑๘๑๑

 
โดย : hanuman2499    [Feedback +0 -0] [+0 -0]     [ 1 ] Wed 12, Jan 2011 11:40:56

 
ประมูล เหรียญหลวงปู่ใจหลังหลวงพ่อพลบ : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.