พระผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์ ปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก เมืองกรุงเก่านั่นเอง ท่านเป็นศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาหลาย ๆ อย่างจากหลวงพ่อกลั่น ผู้เป็นอุปัชฌาย์ แต่น่าประหลาดอยู่อย่างว่าหลวงพ่อกลั่น กลับไม่ยอมสอนการเจริญภาวนาให้ตรง ๆ คงบอกเพียงว่าให้ท่านภาวนา พุทโธ ไป เรื่อย ๆ เบื้องแรกก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเพราะอะไร ครั้นมาภายหลังจึงทราบว่า หลวงปู่ดู่ ได้ค้นพบองค์ภาวนาด้วยจิตใจของท่านเอง โดยท่านใช้ ไตรสรณาคมน์เป็นคำบริกรรม นี้จะแสดงถึง อนาคตังสญาณ หลวงปู่ดู่ได้เริ่มสร้างพระ รวมถึงวัตถุมงคลในแบบต่าง ๆ มานานมากพอจะสืบได้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 เรื่อยมา พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านจึงมีมากมายหลายหลาก เมื่อศิษย์เรียนถามท่านว่า ทำไมท่านสร้างพระเยอะมาก ท่านตอบว่า จิตใจเราจะได้อยู่กับพระ ดีกว่าสวดมนต์ทิ้งไปเปล่าๆซึ่งเรื่องผูกใจให้อยู่กับพระนั้นท่านจะเน้นมาก ถึงขนาดเปิดไฟฟ้าใช้ ท่านก็ให้ภาวนาว่า โอม อัคคีไฟ พุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชาท่านย้ำ แค่นี้ก็ได้บุญแล้ว พระผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เนื้อปูน เกิด "พระธรรมธาตุ พระผงของท่านนั้นมิได้มีแต่ผงต่าง ๆ หากท่านยังผสมด้วยเส้นเกศาของท่านไว้เป็นจำนวนมากในทุก ๆ ครั้งที่มีการสร้างพระ เพราะเส้นเกศานั้นเองที่มีพลังงานบริสุทธิ์จากองค์ท่านเป็นอย่างสูงประจุ อยู่ในพลังงานนั้นก็ยังมี เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) รวมอยู่ด้วยครั้นผสมกันไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ซิลิกอน&ซึ่งมีอยู่ในปูนก็ได้ถูกพลังงานความร้อน (ที่มีสภาวะเป็นทิพย์) ในเส้นเกศาของท่านเหนี่ยวนำให้ ซิลิกอนเกิดการควบแน่นและตกผลึกขึ้น จากนั้นก็จะค่อย ๆ ผุดขึ้นจากองค์พระมาเป็น พระธรรมธาตุดังที่เราเห็นกันอยู่ และนี่คือที่มา พระที่มีพระธรรมธาตุเป็นที่ต้องการอย่างสูงของบรรดาศิษย์ทั้งหลายทั้งปวง ความแปลกของพระเครื่องหลวงปู่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น องค์ที่ไม่มีพระธรรมธาตุจะทำให้เกิดมีขึ้นก็ได้ องค์ที่มีอยู่แล้วกลับหายไปหมดก็เคยปรากฏ อยากให้มีก็สวดมนต์ไหว้พระและภาวนามาก ๆ ก็จะ ผุดขึ้นมาเป็นกำลังใจสำหรับคนทำจริง แต่มากน้อยเท่าไรนั้นผมขอโยนกลองให้เป็นเรื่องของบารมีก็แล้ว บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2539
จองไปแล้วครับ...
ประวัติอุปสมบท อายุครบ ๒๑ ปี ท่านจึงได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๖ ณ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหลวงปู่กลั่น เจ้าอาวาสวัดพระญาติกา ราม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่แด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่ฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พรหมปัญโญ ภิกขุในพรรษาแรก ๆ ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดประดู่ทรงธรรม (สมัยนั้นเรียกวัดประดู่โรงธรรม) พระอาจารย์ผู้สอนคือ ท่านเจ้าคุณเนื่อง, พระครูชม และหลวงปู่รอด (เสือ) เป็นต้น ในด้านการปฏิบัติพระกรรมฐาน ท่านได้รับการสอนจากหลวงปู่กลั่น ผู้เป็นพระอุปัชฌายาจาและหลวงปู่เภา ศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่กลั่น ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่านเอง นอกจากนี้ท่านยังได้ไปศึกษากับพระ อาจารย์ฝ่ายกรรมฐานอีกหลายรูป ที่จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดสระบุรี ประมาณพรรษาที่สาม หลวงปู่ดู่จึงออก เดินธุดงค์เดี่ยว หลวงปู่ดู่ท่านได้ถือศีลข้อวัตร คือฉันอาหารมื้อเดียวมาตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ แต่ภายหลังคือประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๕ เหล่าสานุศิษย์ได้กราบนิมนต์ให้ท่านฉัน ๒ มื้อเนื่องจากความชราภาพ ประกอบกับต้องรับแขกมากขึ้นท่าน จึงได้ผ่อนปรนตามความเหมาะสมแห่งอัตภาพ ในวันที่หลวงปู่ละสังขาร ข่าวหลวงปู่ละสังขารนั้นได้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนเมื่อทราบข่าว ก็พร้อมใจกันลางาน รีบเร่งเดินทางไปวัดสะแกทันที บรรยากาศที่วัดสะแกในวันนั้น บางคนสะเทือนใจ ไม่อาจยืนทรงตัวอยู่ได้ ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร บางคนบางกลุ่มก็มาปลงธรรมสังเวช ระลึกถึงความดีความเมตตาของหลวงปู่ เป็นจริงดังที่หลวงปู่พยากรณ์ไว้แล้วว่า "หากข้าจากไป แม้แต่ผ้าขี้ริ้วก็ไม่เหลือ" แม้ว่าหลวงปู่จะบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานนับเดือน แต่ลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยก็ยังไม่อาจทำใจได้ ผ่านไป 2 วัน ศพหลวงปู่ก็ยังคงนุ่มนิ่ม ไม่มีอาการเลือดตก ข้อมือข้อเท้า ยังคงงอได้ บางคนรอปาฏิหาริย์ให้หลวงปู่ฟื้นขึ้นมา แต่สัจจะความจริงก็ย่อมเป็นความจริงอยู่อย่างนั้น ใครเลยจะฝืนกฏแห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้
เลือกโอนได้ครับ แจ้งชื่อบัญชีด้วยยิ่งดี
เดิมชื่อจำลอง ชื่อใหม่ภาษะลอง
โอนแล้วแจ้งในกล่องข้อความ หรือโทร 086 - 9200849
จะได้จัดส่งรวดเร็ว
เชิญคลิกที่ รูปค้อน หรือภาสะลอง
มีรายการที่ตั้งประมูลที่น่าสนใจครับ