พระทั่วไปภาคเหนือ
@ราหูกะลาตาเดียว สุริยะประภา-จันทรประภา ตะกรุดเงิน@ ครูบาเลิศ วัดทุ่งม่านใต้ (No.8815-16)
|
|
ชื่อพระ :
@ราหูกะลาตาเดียว สุริยะประภา-จันทรประภา ตะกรุดเงิน@ ครูบาเลิศ วัดทุ่งม่านใต้ (No.8815-16)
รายละเอียด :
@ราหูกะลาตาเดียว สุริยะประภา-จันทรประภา ตะกรุดเงิน@ ครูบาเลิศ
ศิษย์เอกครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ หนุนดวง เสริมบารมี ดีเลิศนัก
1
ใน 1,500 คู่ หายากแล้ว
(รูปด้านหน้า-ด้านหลัง
No.8815-16)
คาถาสุริยะประภา (สวดกลางวัน) - กุเสโต
โตราโมมะมะ โตราโม คุยหะโมมะมะ คุยหะโม คุตติโมมะมะ คุตติโม (3
จบ)
คาถาจันทรประภา (สวดกลางคืน) - ยะถาตัวมะมะ
ตังถายะ ตังวะตังมะมะ ตังวะตัง ตังเสกามะมะ กาเสตัง กาติยะมะมะ ยะติกา (3
จบ)
ตำนานราหูสุริยะประภา-จันทรประภา ในคัมภีร์โบราณได้จารึกไว้ว่า
พระฤาษี 12 ตน ซึ่งบำเพ็บตบะ ณ เขายุคณธร (เทวโลก) เป็นผู้สร้าง 2 ยันต์นี้
ด้วยเล็งญาณวิถีว่า "ภายภาคหน้ามนุษย์จะประสบกับความหายนะ อดอยาก
ไร้สมบัติ จึงสร้าง 2 ยันต์นี้เพื่อมาช่วยเหลือมนุษย์" พระยันต์ทั้ง 2 นี้
เป็นพญาแห่งยันต์ของยันต์ทั้งหลายทั้งมวล ซึ่งยันต์ต่าง ๆ
ในโลกนี้เป็นเพียงยันต์บริวารของยันต์ทั้ง 2
นี้เท่านั้น
อุปเทห์พระยันต์สุริยะประภา-จันทรประภา ภาวนาทุกวัน -
หูตาจะแจ่มแจ้ง - อายุจะยืนยาว - เสริมดวง เสริมบารมี - ทำมาค้าขายดี -
หากผู้ใดปรารถนาทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทองให้บำเพ็ญภาวนาพระคาถาทั้ง 2
บทนี้เทอญ
ตำนานเทพพระราหู พระราหูเป็นพญาอสูรแต่เพียงผู้เดียวที่มีความเป็นอมรหรืออมตะในบรรดาหมู่
อสูรทั้งหมด จึงได้รับการยกย่องจากพระพรหมให้เป็นเทพองค์หนึ่งด้วย
อสูรราหูเป็นบุตรของพระ กัศยปเทพบิดรกับนางสิงหิกา
แต่กลับมีร่างกายเป็นยักษ์ร้าย เมื่อทวยเทพกับอสูรได้ทำสงครามกันครั้งใด
อสูรราหูก็จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการ
นำทัพอสูรเข้าบุกแดนดาวดึงสาพิภพของพระอินทร์ทุกครั้ง
แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพระอินทร์ได้ ต้องถอยทัพกลับมาทุกครั้งไปเช่นกัน
แต่เมื่อพระอินทร์ถูกฤาษีสาปให้ถอยฤทธิ์ลง พระอินทร์และ
เทวดาบริวารก็พ่ายแพ้แก่พวกอสูรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
พวกเทวดาจึงถูกพวกอสูรฆ่าตายลงไปจนเกือบหมด พระอินทร์ก็หมดปัญญาที่จะต่อสู้อีกต่อไป
จึงได้พาเทวดาบริวารไปกราบทูลขอ ความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า
ในทะเลน้ำนม(เกษียรสมุทร)อันเป็นที่สิ่งสถิตของพระองค์ พระนารายณ์ก็แนะนำให้ทำพิธีกวนน้ำทิพย์(กวนเกษียรสมุทร)
เมื่อกินแล้วจะได้มีความเป็นอมตะ คือไม่รู้จักตาย
แต่ทรงเห็นว่าลำพังเฉพาะพวกเทวดาแล้วคงทำงานใหญ่ครั้งนี้ไม่สำเร็จ
จำเป็นต้องอาศัยแรงและฤทธิ์ของพวกอสูรด้วยจึงจะทำได้
จึงทรงบอกให้พระอินทร์และบรรดาเทวดาไป ขอร้องให้พวกอสูรมาช่วยด้วย
ให้แกล้งหลอกทำสัญญากับพวกอสูรว่าถ้ากวนน้ำทิพย์สำเร็จแล้วก็
จะแบ่งให้พวกอสูรครึ่งหนึ่งของน้ำทิพย์ที่ได้ทั้งหมด
แต่พอได้น้ำทิพย์แล้วก็ค่อยหาทางหลีกเลี่ยงกันทีหลัง
คือไม่ยอมให้พวกอสูรได้กินน้ำทิพย์นั้นกันเสียเลย
พระนารายณ์ทรงรับรองว่าถึงตอนนั้นพระองค์จะทรงจัดการกับพวกมันด้วยพระองค์
เอง เมื่อพวกเทวดาไปทำสัญญากวนน้ำทิพย์ร่วมกันกับพวกอสูรเป็นผลสำเร็จแล้ว
พิธีกวนน้ำทิพย์จึงได้เริ่มขึ้น ณ ทะเลน้ำนมนั่นเอง
ด้วยการยกเอาภูเขามันทรมาเป็นเครื่องกวนน้ำ ในทะเลน้ำนมนั้น
บรรดาเทวดาและอสูรตางก็ออกไประดมกันเก็บเกี่ยวเครื่องยาสมุนไพรที่มีอยู่ ทั้ง
สามโลกนานาชนิดเป็นจำนวนมหาศาลมาทุ่มทิ้งลงไปในทะเลแห่งนั้นแล้วเอาพญานาค วาสุกรีมา
พันรอบเขามันทรต่างสายเชือกสำหรับให้เทวดาและอสูรช่วยกันดึงไปมาปั่นภูเขา ให้หมุน
เพื่อให้
เครื่องยากับน้ำในมหาสมุทรเข้ากันจนเกิดเป็นน้ำทิพย์ที่ต้องการ เมื่อถึงเวลาของการดึงเชือกหรือพญานาค
พวกเทวดาก็เริ่มเอาเปรียบตั้งแต่เริ่มแรกกันทีเดียว
ด้วยการพากันไปดึงส่วนที่เป็นหาง ของนาค พวกอสูรจึงจำต้องไปดึงที่ส่วนหัวของพญานาค
พวกเทวดาและอสูรต่างก็ช่วยกันปั่น ช่วยกันกวนน้ำทิพย์จนเป็นเวลาช้านาน
พญานาควาสุกรีได้รับความทุกข์ทรมาน(เวียนหัว) จึงพ่นพิษออก
มาเป็นไฟถูกพวกอสูรบาดเจ็บและอ่อนแรงลง
อสูรราหูก็เป็นผู้หนึ่งที่ต้องการแรงฉุดอยู่ทางหัวนาค
จึงต้องได้รับทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปด้วยพิษนาคด้วย
แต่ก็จำต้องอดทนเพื่อความสำเร็จจึงต้องทนทำต่อไป
แต่ก็ให้รู้สึกคิดแค้นพวกเทวดาอยู่ไม่หาย อสูรราหูจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นอมตะให้ได้
แต่เมื่อนานเข้า ๆ พญานาคก็ยิ่งได้รับความทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นกว่าใคร ๆ
จึงได้พ่นพิษเป็นไฟกรด ออกมาเป็นจำนวนมาก เกิดความร้อนแรงจนสุดที่ทนทานกันได้
พวกเทวดาและพวกอสูรต่างก็
ผละออกวิ่งหนีเอาตัวรอดกันด้วยความตกใจกลัวและไฟกรดนั้นก็มีทีท่าที่จะลุก
ลามไหม้ออกไปได้ หมดทั้งสามโลก จนกระทั่งพระอิศวรผู้เป็นเจ้าทรงทนดูอยู่ไม่ได้
จึงได้ทรงปรากฏพระวรกายขึ้น ณ
ที่นั่นแล้วอ้าพระโอษฐ์ออกดูดกลืนไฟกรดและพิษร้ายของพญสนาคไว้หมดแต่เพียง
พระองค์เดียว ก่อนที่โลกจะถูกทำลายลง
ไฟกรดอันเป็นพิษร้ายแรงก็ได้เผาผลาญพระศอของพระองค์จนไหม้
เกรียมเป็นสีดำประดุงดั่งสีนิล เมื่อความวุ่นวายโกลาหลถูกยุติด้วยเทวานุภาพของพระอิศวรลง
แล้ว ความเป็นอมตะแห่งทะเลน้ำนมก็บังเกิดขึ้น ของวิเศษต่าง ๆ
ได้ผุดขึ้นจากเกษียรสมุทรหลาย อย่าง เช่น พระลักษมี เทพีแห่งเหล้า ช้างเอราวัณ
และอื่น ๆ รวมทั้งนางอัปสรอีกมากมาย
จนกระทั่งถึงอันดับสุดท้ายก็มีเทพบุตรทูนหม้อน้ำทิพย์ผุดขึ้นมาแล้ววางไว้ ณ
ฝั่งแห่งเกษียรสมุทรนั้น
เทวดาและอสูรต่างก็วุ่นวายกันเข้ายื้อแย่งของวิเศษหลบหนีไปเสียทันที
แต่พระนารายณ์ก็ได้ทรงเห็นเสียก่อนจึงเสด็จตามเอาหม้อน้ำทิพย์นั้นกลับมาได้
แล้วพระนารายณ์จึงทรงประกาศให้พวก เทวดามาดื่มกินน้ำทิพย์กันโดยทั่วหน้า
ส่วนอสูรราหูก็ไม่ลดละจึงได้ลอบเข้ามาแล้วแปลงกายเป็น
พราหมณ์เข้าไปขอแบ่งน้ำทิพย์ดื่มกินด้วย
พวกเทวดาก็ไม่ระแวงสงสัยเมื่อเห็นเป็นพราหมณ์เช่น
นั้นก็ตักน้ำทิพย์ส่งให้ด้วยความยินดี
อสูรราหูในรูปกายของพราหมณ์แปลงก็ได้ดื่มกินน้ำทิพย์นั้น
สมความตั้งใจของตน พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นการกระทำของอสูรราหูเช่นนั้นเข้าก็เอะอะ
โวยวายขึ้น จนความทราบถึงพระนารายณ์ ๆ
จึงทรงขว้างอสูรราหูด้วยจักรอันเป็นเทพศัสตราของพระองค์
จักรของพระนารายณ์ได้ตัดร่างของอสูรราหูออกเป็นสองท่อน
แต่ด้วยอานุภาพแห่งน้ำทิพย์ที่อสูรราหูได้ดื่มกินเข้าไปจึงทำให้ไม่ตาย การที่ถูกพระนารายณ์ทำร้ายเอาจนถึงกับร่างกายขาดกันเป็นสองท่องนี่เอง
และการที่พระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นต้นเหตุ
พระราหูจึงได้อาฆาตแค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พระราหูจึงได้หาโอกาสจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กลืนกินอยู่เรื่อยมา แต่
พระอาทิตย์และพระจันทร์ก็หลุดล่วงพ้นไปได้ในชั่วเวลาที่ไม่นานนัก
ทั้งนี้ก็เพราะพระราหูมีร่าง
กายอยู่เพียงครึ่งท่อนนั่นเอง การกระทำของพระราหูต่อพระอาทิตย์และพระจันทร์อันเป็นการจองเวรนั้นจึง
ทำให้เกิดสุริยคราสและจันทรคราสขึ้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้
ตำนานกะลาตาเดียวครูบานันตา
วัดทุ่งม่านใต้ ผู้เป็นอาจารย์
เครื่องรางยอดนิยมอย่างหนึ่งของแดนล้านนา
คือ กะลาตาเดียวแกะเป็นรูปราหูอมจันทร์หนึ่งคู่ ด้านหลังจะลงยันต์เป็นคาถา
สุริยะประภาและคาถาจันทรประภา
(ชาวบ้านเรียกว่ายันต์ตัวผู้-ตัวเมีย) ซึ่งจะต้องใช้คู่กัน
เพื่อให้ได้ผลตามอุปเทห์การใช้มาแต่โบราณกาล
รูปแบบการแกะมีหลากหลายรูปแบบ
เช่น เสือคาบดาบ หน้านกฮูก หน้ายักษ์ หน้าหนุมาน ฯลฯ
ครูบาเลิศ
วัดทุ่งม่านใต้ ศิษย์เอก และผู้สืบสานตำนานระหู
ครูบาเลิศ เป็นศิษย์เอก
ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ และสืบสานตำนานราหูกะลาแกะ ยันต์สุริยะประภา-จันทรประภา
เพื่อช่วยลูกหลานให้มีอายุยืนยาว เสริมดวง เสริมบารมี ทำการค้าขายดี
มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย
******คำเตือน******** โปรดใช้วิจารณาณในการอ่าน ******************* และโปรดอย่าใช้ผิดศีลธรรม *******************
โปรดใช้วิจารณญาณ
เหตุผล และความเชื่อ ความศรัทธา ในการพิจารณาเช่าบูชาวัตถุมงคล เครื่องราง
ของขลัง และวัตถุอาถรรพ์
การบูชาให้สัมฤทธิ์ผล
ขึ้นอยู่กับความแน่วแน่ และมั่นคงของจิตศรัทธา บุญ-กรรม เก่า/ใหม่
และ การปฏิบัติตนเพื่อสร้างสมบุญบารมีเพิ่มเติมในด้าน ของทาน ศีล สมาธิ
ภาวนา และการแผ่เมตตา บุญบารมีแก่เทพเทวา
และดวงจิตผู้ที่ดูแลรักษาวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง @@@@ที่สำคัญ
ต้องมีความศรัทธา และความเชื่อมั่นด้วยครับ@@@@ |
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
800 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
100 บาท
เงื่อนไขการรับประกัน :
แท้ตลอดชีพ
ผู้ตั้งประมูล :
นายสมภพ เดชคำรณ
ที่อยู่ :
8/19 ถ.มหิดล ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200 ไทย
เบอร์โทรติดต่อ :
0622859676, 0622859676
E-mail :
somphobdej@gmail.com
ชื่อบัญชี :
นายสมภพ เดชคำรณ
เลขที่ บัญชี :
5541103746
ธนาคาร :
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
สาขา :
สี่แยกสนามบินเชียงใหม่
วันที่ :
Wed 13, May 2009 15:04:08
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|