หลวงปู่ทิม วัดพระขาวในปี พ.ศ.๒๔๕๖ ซึ่งเป็นปีฉลู ชาวบ้านพระขาว และชาวประชาราษฎรในเขตอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทุกคนต่างก็เศร้าสลดอย่างสุดซึ้ง เมื่อได้ทราบข่าวคราวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับคืน
มาของพระเกจิอาจารย์ ผู้ซึ่งมีวิชาอาคม และเวทมนตร์ที่เก่งกาจมาก ในสมัยนั้นสามารถใช้คาถาอาคม สะบัดผ้า
ไปทางไฟที่กำลังลุกไหม้ให้ดับได้อย่างใจนึก และยังมีวาจาสิทธิ์อีกด้วย ให้แม่ครัวใช้กระบุงใส่ถ้วย ชาม จาน
นำไปกระเหย่าน้ำล้างโดยไม่แตกร้าวแม้แต่น้อยนิดเลยทีเดียว ท่านผู้นั้นก็คือ "หลวงพ่อปั้น แห่งวัดพิกุล
อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา" ซึ่งชาวอยุธยาต่าง เสียดายเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของท่าน ซึ่งเป็นพระ
เกจิอาจารย์ชั้นยอดในยุคนั้น เมื่อมีเกิดก็ย่อมมีดับสูญ เป็นธรรมดาในโลกมนุษย์ปัจจุบัน มีสุขแล้วก็ต้องทีทุกข์
มีดีใจก็ต้องเสียใจ เป็นเรื่องธรรมดา ของสามัญชนใน ภพนี้ สุดที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย เมื่อชาวพระขาว อ.บางบาล
ต่างเสียอกเสียใจกันใหญ่หลวงแล้ว เทพเจ้าแห่งเบื้องบนท่านเกิดความสงสารมีเมตตาต่อ ชาวบ้านย่านนี้ จึง
ประทานเด็กผู้ชายให้มากำเนิดในปีเดียวกันนี้ ณ ถิ่นฐาน ย่านเดียวกัน ตำบล อำเภอ และจังหวัดเดียวกันนี้ทุกประ
การ ดั่งคำพังเพยที่ว่า "กรุงศรีอยุธยาย่อมไม่สิ้นคนดี มีวิชา" เด็กชายผู้นี้ บิดามารดาได้ตั้งชื่อ และแจ้งเกิดต่อ
กำนัน ต.พระขาว อ.บางบาล ให้ชื่อว่า "เด็กชายทิม ชุ่มโชคดี" เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๕๖
ปีฉลู ที่บ้าน เลขที่ - หมู่ที่ ๓ ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคนที่ ๕ ของ คุณพ่อพร้อม
คุณแม่กิ่ม ชุ่มโชคดี
บวชตามประเพณีของลูกผู้ชายไทย เพื่อทดแทน
พระคุณ และค่าน้ำนมของ พ่อ-แม่ อุปสมบท ณ วัดพิกุล อ.บางบาล จ.อยุธยา มีหลวงพ่อปุ้ย วัดขวิด อ.บางบาล
เป็นอุปัชฌาย์อาจาร์ย และหลวงลุงหลิ่ม วัดโพธิ์กบเจา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระอธิการหลิ่ว เจ้าอาวาส
วัดพิกุล เป็นพระอนุสาวนาจารย์อุปสมบท อยู่ในบวรพระพุทธศาสนา ๑ พรรษา ก็ลาสิกขาในระหว่างอุปสมบท
๓ เดือน นั้น หลวงปู่ได้ทำกิจของสงฆ์โดยท่องหนังสือ และสวดมนต์ไหว้พระ ไม่มีใครเสมอเหมือนได้เลยเพราะ
ทั้งเจ็ดตำนาน และสิบสองตำนาน หลวงปู่สามารถท่องจำได้ทั้งหมดทั้งสองอย่าง จนพระอาจารย์หลิ่ว
เจ้าอาวาสวัดพิกุล อ.บางบาล ท่านไม่อยากให้หลวงปู่สึก ท่านเสียดายมาก เมื่อหลวงปู่ไปขอลาสิกขา จากท่านคง
จะเป็นเพราะบุญและบารมีของหลวงปู่ขั้นต้นมีเพียงเท่านี้ก่อน เพื่อเป็นพื้นฐานสาเหตุที่หลวงปู่ต้องลาสิกขาใน
ครั้งนี้ ก็เพราะมีความสงสารมารดาเป็นอย่างมากที่ต้องลำบากตรากตรำ ทำนาเนื่องจากบิดาท่านมาเสียชีวิต
ตั้งแต่หลวงปู่ท่านยังตัวเล็กๆ จึงตัดสินใจลาสิกขา เพื่อมาช่วยมารดาทำนาเป็นการตอบแทนพระคุณที่ได้อุ้ม
เลี้ยงหลวงปู่มาตั้งแต่เล็กจนเติบโตใหญ่
แทนกระดาษ เอาน้ำทั้งหมดมหาสมุทรมาแทนน้ำหมึก ประกาศพระคุณแม่ไม่พอ
|