#รูปหล่อบูชาครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร ขนาดสูง ๑๙ นิ้ว ศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานปั้นหล่อได้เหมือนองค์จริงของท่านยิ่งนัก สาธุ สาธุ ..... #รูปหล่อบูชาครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร ขนาดสูง ๑๙ นิ้ว ศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานปั้นหล่อได้เหมือนองค์จริงของท่านยิ่งนัก สาธุ สาธุ ..... "บุญชุ่ม ทาแกง" เป็นชื่อและสกุลเดิมของ "ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร" เกิดวันอังคารที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. อุปสมบทเดือนวิสาขะ วันที่ ๑๑ เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ วันที่ ๙ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๙ ตรงกับเดือนแปดเหนือขึ้น
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๗ ได้เข้ามาเป็นเด็กวัด โดยมีพ่อลุงทาเอาไปฝากกับเจ้าอธิการสิน จิรธัมโม วัดบ้านด้ายตอนท่านอายุได้ ๑๑ ปี หลังจากเป็นเด็กวัดได้ 3 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณร ท่านชอบสงบอยากบวชตั้งแต่อายุ ๔-๕ ขวบแล้ว ในสมัยเป็นเด็กนักเรียนชอบนั่งสมาธิภาวนาไม่สุงสิงกับใคร เวลาว่างก็เดินจงกรมที่สนามหญ้าโรงเรียน จนเพื่อนฝูงว่าท่านเป็นบ้า ใครจะว่าอย่างไรไม่สนใจ ท่านถือว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้า
พ.ศ.๒๕๑๙ ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร ได้บวชเรียนตามปณิธานที่ตั้งไว้ตั้งแต่เยาว์วัย ถึงเวลาท่านก็กำหนดขอขมาลุงและป้าแทนพ่อแม่ แล้วจึงอาบน้ำและนุ่งผ้าขาวในคืนหนึ่ง พอใกล้รุ่งท่านนิมิตเห็นหลวงพ่อปู่องค์หนึ่งแก่ๆ ผมหงอกสักไม้เท้าจากต้นโพธิ์ใหญ่ในวัดเดินเข้ามาห่านแล้วสอนธรรม กรรมฐานให้ภาวนาว่า พุทโธ พุทโธ และบอกว่าให้หมั่นภาวนาในภายหน้าจะได้เป็นครูบาอาจารย์ เป็นที่พึ่งของคนทั่วไปและมนุษย์โลกทั้งหลาย แล้วท่านครูบาเฒ่าก็เดินลับหายไป พอสว่างก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีบุญยืน ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีพระครูหิรัญเขตคณารักษ์ วัดศรีบุญเรือง อ.แม่จัน เจ้าคณะอำเภอเชียงแสน เป็นองค์พระอุปัชฌาย์ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ตรงกับเดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ วันพฤหัสบดี เวลา ๐๙.๓๙ น. ได้บวชเสร็จเรียบร้อย มีสามเณรที่บรรพชารวมกันทั้งตำบล ๓๒ สองรูป ปัจจุบันเหลือพระครูบาเจ้าองค์เดียว
ครั้นเสร็จพิธีบรรพชาแล้วก็กลับมาวัดบ้านด้ายเข้ากรรมฐานภาวนา ๓ วัน เริ่มเรียนสวดมนต์ภาวนาทำกิจวัตรต่างๆ มีล้างบาตร ล้างถ้วย ล้างชาม ทำความสะอาดวัด ดายหญ้า ท่านทำทุกอย่างที่ทำได้ในวัด จำเป็นที่สุดคือการเจริญภาวนา ท่านนอนองค์เดียว นอนในกุฏิที่เก็บกระดูกผีตาย ชอบอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ พอบวชเป็นสามเณรไม่นานเกือบ ๑ เดือน คนทั้งหลายก็เล่าลือกันว่ามีสามเณรน้อยต๋นบุญถือกำเนิดที่วัดบ้านด้ายธรรมประสิทธิ์ ศรัทธาสาธุชนทั้งหลายก็พากันมาทำบุญขอให้ทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ให้ สามเณรบุญชุ่มก็บอกว่า
“เราบวชเป็นสามเณรใหม่ยังไม่รู้อะไรสักอย่างให้ตั้งจิตอธิษฐานกันเอาเองเถอะ บางคนก็ขอให้เทศน์สั่งสอน เราก็บอกว่ายังไม่รู้อะไรเลยให้หมั่นไหว้พระทำบุญให้ทานรักษาศีลห้าข้อให้ดี และภาวนาพุทโธ พุทโธ ไปจะได้พ้นทุกข์"
อุปนิสัยฝักใฝ่ในธรรมของพระครูบาเจ้านั้น เนื่องจากคุณแม่แสงหล้า เป็นคนมีนิสัยใจดีมีเมตตา เผื่อแผ่โอบอ้อมอารีลูกเต้า ญาติมิตรพี่ๆ น้องๆ เป็นผู้รู้จักบุญคุณเสมอ ชอบทำบุญไปวัดไม่ขาด ถึงแม้ว่าความเป็นอยู่จะลำบากยากจนขนาดไหน พอถึงวันพระแม่จะจัดหาอาหารตามมีตามได้ไปใส่บาตรทุกครั้ง ก่อนที่คุณยายของพระครูบาเจ้า คือยายแม่อุ้ยนางหลวง ยังไม่เสียชีวิต ดังนั้นเมื่อพระครูบาเจ้า อายุได้ ๔-๕ ปี ก็พาไปนอนวัดปฏิบัติธรรมด้วย ยายสอนว่าให้ไหว้พระสวดมนต์ และภาวนาพุทโธ พุทโธ ตั้งแต่เล็กได้คลุกคลีอยู่กับวัดตั้งแต่ตัวน้อยๆ เวลาเข้าโรงเรียนก็ติดกับวัด เวลาว่างก็ชอบเข้าไปไหว้พระในวิหาร บางทีก็ภาวนาตามร่มไม้ ทำอยู่อย่างนี้ตลอดเท่าที่ท่านจำความได้ พระครูบาเจ้าไม่ชอบกินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่เกิด ถ้าจำเป็นต้องท่านก็เอาคำข้าวจิ้มแต่น้ำแกง บางทีก็กินข้าวเปล่าๆ บางทีก็กินกับน้ำอ้อย บางทีก็กินข้าวกับกล้วยไปวันๆ
"พร"ครูบาบุญชุ่ม
ฉะนั้นขอให้ทุกคนจงตั้งจิตตั้งใจให้ดี เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก จะได้มาพบพุทธศาสนาก็ยาก จะพบพ่อดีแม่ดี ครูบาอาจารย์ที่ดีก็ยาก ได้สร้างบารมีมาถึงวันนี้ อายุเราจะยืนมาถึงวันนี้ไม่ใช่ง่าย เราป่วย เราไข้หลายครั้งเพราะว่าทุกดวงจิต ทุกชีวิต ทุกวิญญาณก็เป็นไปตามกฎของทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มันไม่อยู่เหมือนเดิม ก็ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ฉะนั้นเราได้ประคับประคองธาตุขันธ์ของเราอายุของเรามาถึงวันนี้บุญที่สุดแล้ว และเราจะอยู่ต่อไปอีกกี่ปี กี่เดือน กี่วัน กี่ยาม ก็แล้วแต่บุญกุศลของเรา แล้วแต่ธาตุขันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของสมมุติ เรายืมเขามาโดยมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมและก็ประกอบด้วยขันธ์ทั้ง ๕ มีรูปธรรม นามธรรมเกิดดับอยู่ตลอด
ฉะนั้นเราจงเอารูปธรรม นามธรรมนี้ให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เป็นประโยชน์แก่ญาติพี่น้อง จงสร้างคุณงามความดี ทำดีที่สุดเหมือนอย่างกับอาจารย์แม่ดอกเตอร์สอนไปเมื่อกี้นี้อย่าลืม ให้มีจิตศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มีกำลังคือความศรัทธา กำลังคือความเพียร กำลังคือสติ กำลังคือสมาธิ กำลังคือปัญญา ซึ่งจะนำเราทั้งหลายทุกชีวิต ทุกดวงจิต ทุกวิญญาณทั้งหลายพ้นจากโอฆะวัฏฏะสงสาร พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารนี้ บรรลุถึงซึ่งมรรคผลนิพพานสมความปรารถนาแห่งท่านทั้งหลาย
เราในฐานะที่เป็นครูบาอาจารย์ได้ช่วยกันสร้างบารมี ได้เสริมบารมีที่นี่รู้สึกปีติที่สุด ขออนุโมทนาบุญกุศลไหน อันใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างมา ได้หมื่นชาติ แสนชาติก็ดี ได้สร้างโพธิญาณบารมีก็ดี สาวกบารมีก็ดี ขอให้ทุกท่านทุกผู้ทุกคนจงได้รับบารมีเท่าเทียมกัน และขอให้ทุกท่านจงมีดวงตาสว่างไสว นำตนพ้นจากทุกข์ ขอให้ได้พ้นจากทุกข์ให้ถึงสุข คือสุขในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พระนิพพานสมบัติ สมความปรารถนา ให้ไห้เป็นสัมมาทิฐิ นำตนพ้นจากโอฆะวัฏฏะสงสาร ให้ได้ถึงซึ่งฝั่งข้างหน้า คือ พระนิพพานทุกผู้ทุกคนเทอญ
#ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก หน้าข่าวศาสนา-พระเครื่อง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2557