#รูปภาพวาดครูบาเจ้าศีลธรรมบนแผ่นฟิล์มกระจก ฝีมือการวาดของคุณ. ยรรยง พิกุลสวัสดิ์ ฟิล์มกระจกมีใช้แพร่หลายอยู่ในยุครัชกาลที่สี่ มาจนถึงยุค ปี 2500 ก็เริ่มหมดความนิยม เริ่มแรกของการคิดค้นการถ่ายภาพ โดยใช้กล้องถ่ายภาพ เป็นการนำเอาแผ่นกระจกมาทำเป็นฟิล์ม ภาพนี้อายุร่วมๆ 50-60 ปี
เปิดคำทำนาย "ครูบาศรีวิชัย" ร้อยกว่าปีที่แล้ว เหลือเชื่อ!!ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบันทุกอย่าง??
ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด ครูบาศรีวิชัย เป็นที่รู้จักและอยู่ในความทรงจำของชาวล้านนา คือการที่ท่านเป็นผู้นำในการสร้างทางขึ้นสู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพโดยพลังศรัทธาประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ ซึ่งใช้เวลาสร้างเพียง 5 เดือนเศษ โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ หรือส่วนราชการเลย
นอกจากนี้ ท่านยังทำนายบ้านเมืองในภายภาคหน้า ซึ่งก็คือปัจจุบัน ได้ตรงอย่างน่าขนลุก ความว่า ( ภาษากำเมือง ) “ต่อไปเบื้องหน้า วัดจะหมอง มองจะห่าง หนตางจะเลี่ยน โฮงเฮียนจะดี คนบ่มีจะได้กิ๋นข้าว คนเฒ่าใส่เขี้ยวขาว แม่ฮ้างนางสาวจะนุ่งเตี่ยว ป่าเฮ่วม่วนเหมือนปอย ภูดอยจะล้าน คนขี้คร้านจะได้กิ๋นดี คนบ่ดีหนีไปนอนสาด ตูบกาดเต๋มบ้านเต๋มเมือง น้ำเหมืองเอาน้ำแม่ งัวควายบ่แพร่ คนเฒ่าคนแก่บ่มีไผแอ่วหา ปู๋ปล๋าหนีน้ำ เอาน้ำตกกับถ้ำเป๋นตี้แอ่วตี้จุม คนจักชุมนุมกั๋นเป๋นกลุ่มเป๋นก้อน บ้านเมืองจะเดือดฮ้อน ละอ่อนสอนบ่ฟังกำ คนใจ๋ดำมีทั่วประเทศ คนจักเหมือนผีเหมือนเผต ตึงแม่ญิงป้อจายผมมีบ่เกล้า ข้าวมีบ่ต๋ำ หนตางดีบ่มีคนไต่ ฮอยคนเหมือนฮอยงู คนจักซานบนดินมาหนึ่งศอก น้ำบ่อออกอยู่บนเฮือน เครือเขาเลื่อนบนอากาศ คนฉลาดแป๋งควายเหล็กมาขาย คนมีหูติ๊บต๋าติ๊บ ดำดินบินบนได้ จักมีในเบื้องหน้าแต้แหล่..ปี้น้องตังหลายเหย..ฯ”
โดยแปลเป็นภาษากลางได้ว่า
“ ในอนาคต วัดวาอารามจะไม่ค่อยมีผู้คนเข้าไปทำบุญหรือถือศีลฟังธรรม ครกมองตำข้าวก็จะไม่มีคนใช้ตำข้าวอีก ถนนหนทางก็จะราบเรียบใช้เดินทางไปมาอย่างสะดวกสบาย โรงเรียนก็จะใหญ่โต คนยากจนก็จะมีข้าวกิน คนชราก็จะใส่ฟันปลอมเต็มปาก แม่หม้ายนางสาวก็จะละทิ้งผ้าถุงหันไปสวมใส่กางเกงกันหมด ป่าช้าก็จะครึกครื้นด้วยเสียงเพลง (เพลงแห่ศพ..บางแห่งมีวงดนตรีแสดงสด ๆ ขณะเผาศพ หรือเปิดเพลงโปรดของผู้ตาย..) ภูเขาก็ปราศจากต้นไม้ คนเกียจคร้านก็มีอยู่มีกินอย่างดี คนชั่วช้าก็ล้มตายไป มีร้านค้าขายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง น้ำคลองซอยเล็กก็อาศัยน้ำจากแม่น้ำใหญ่ วัวควายก็ค่อย ๆ สูญพันธุ์ไป คนแก่คนเฒ่าก็ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ปูปลาก็ลดหายไปจากลำน้ำ ผู้คนต่างชอบท่่องเที่ยวไปตามถ้ำและน้ำตก ผู้คนมีร่วมชุมนุมประท้วงกันอย่างมากมาย บ้านเมืองจะเกิดความระส่ำระสายวุ่นวาย เด็ก ๆ ลูกหลานก็จะดื้อรั้นไม่ค่อยเชื่อฟังผู้ใหญ่ ผู้คนไร้คุณธรรมน้ำใจก็จะมีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ผู้คนก็จะเป็นเสมือนพวกภูตผีและพวกเปรตที่มีแต่ความละโมบโลภมาก ทั้งชายหญิงต่างไว้ผมยาวประบ่า ข้าวที่มีอยู่ก็ไม่ใช้ครกตำ ถนนหนทางดีแต่คนก็ไม่ใช้เท้าเดินกัน ร่องรอยของผู้คนก็คล้ายรอยงู(ล้อรถยนต์) ผู้คนก็จะเหาะเหินล่องลอยอยู่เหนือพื้นดิน ในบ้านเรือนก็มีก็อกประปามีน้ำกินน้ำใช้อย่างสะดวก สายไฟฟ้าสายโทรศัพท์มีโยงอยู่ทั่วไปในชุมชน คนที่มีความรู้ก็ผลิตรถแทรกเตอร์มาใช้ทำไร่ไถนา ผู้คนต่างก็มีหูทิพย์ตาทิพย์ (โทรศัพท์-โทรทัศน์-อินเตอร์เน็ต) ผู้คนมีพาหนะทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดิน-ลอยฟ้า หรือเครื่องบิน สิ่งเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอนนะ พี่น้องทั้งหลาย…“
|