|
ขุนแผนละลวยลม รุ่นแรก อาจารย์เบส เมืองฝาง
ขุนแผนละลวยลม รุ่นแรก อาจารย์เบส เมืองฝางอาจารย์วรพล หรือ อาจารย์เบส ที่เรียกขานกันในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา มักจะคุ้นหูได้ยินกิตติศัพท์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ในด้านพุทธาคมมาตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกัน หากย้อนเวลาไป5-6ปีก่อน ท่านอาจารย์วรพล หรืออาจารย์เบส คืออาจารย์เณรแห่งอำเภอฝาง ผู้ฝักไฝ่อยู่กับไสยเวทคาถาตั้งแต่เด็กๆ เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับเรื่องราวไสยเวทตั้ังแต่เด็กๆ โดยมีพ่อหนานจันทร์ เทพวงศ์ ผู้เป็นปู่แท้ๆ เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้เป็นท่านแรก ซึ่งถ้าหากพูดถึงชื่อ พ่อหนานจันทร์ แล้ว ถ้าถามคนใน ต.ท่ากว้างและแถวระแวกใกล้เคียงในอ.สารภีไม่มีใครไม่รู้จักท่าน อีกทั้งท่านยังเป็นสหธรรมที่ไปมาหาสู่กับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโกแห่งวัดวังมุยอันโด่งดังผู้สร้างชื่อให้กองพลเสือดำในสมัยนั้นตลอดถึง ครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆเช่น พ่อหนานสูนทร ชัยเดช(เสือเย็น) ,พ่อตั๋น ดวงแก้ว(ปู่ตั๋นน้ำมันพรายเมีย67คน) , พ่อตั๋น สุขสบาย, พ่อส่างวัณณะ ,เจ้าส่างยานะ , พ่อส่างแดง , พ่อจั๋น อินไชย, อ.อึ่ง ,พ่อปัน จิโน ,พ่อทร, พ่อหนานโถ ,พ่อหนานสุวรรณ มณีศรีแสง, อ.เปี๊ยก ศิษย์เอกหลวงปู่คง สุวัณโณ แห่งวัดวังสรรพรส อีกทั้งตัวอาจารย์ได้สืบทอดสรรพวิชาของพ่อหนานคำหน้อย วงศ์คำ ผู้เป็นอาจารย์ของท่านอาจารย์วิเศษ หรืออดีตสามเณรวิเศษ สิงห์คำ แห่งวัดสันป่าสัก กับพ่อหนานเมืองกับพ่อหนานทอง และเป็นผู้สืบทอดดูแลขันครูของอาจารย์วิเศษ ซึ่งแรกๆท่านฝากไว้กับพ่อหลวงต๋อยซึ่งเมื่อก่อนจะมาไหว้ครูที่นั้น ท่านอาจารย์วรพล หรือ อาจารย์เบส เป็นที่ยอมรับของอาจารย์ทวี คำปินและพ่อหลวงต๋อย2ศิษย์เอกที่ได้ติดตามอาจารย์เณรวิเศษตั้งแต่สมัยเป็นเณรครั้งที่ท่านยังไม่มีใครรู้จักซึ่งอาจารย์วิเศษได้บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้ว่า “ ถ้าเราไม่อยู่ใครมีอะไรให้อ.ทวีกะพ่อหลวงต๋อยไปด้วยกันแทนตัวท่านได้ ” และเป็นที่ยอมรับจากอาจารย์อินต่วนหมอผีเสน่ห์ชื่อดังของเชียงใหม่ศิษย์พี่ของท่านซึ่งเป็นศิษย์พ่อหนานวรรณเช่นกัน อีกของยังได้สืบทอดจากพ่อบุญมี สมปานทะนึก หรือพ่อสี แห่งป่าช้าสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ที่อาจารย์วิเศษท่านยอมรับ และเปรยกับศิษย์เสมอว่า คนเฒ่านี้เก่งเน้อ ในสายพุทธาคมแห่งดินแดนที่ราบสูงภาคอีสานท่านอาจารย์วรพล หรืออาจารย์เบท ก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาพุทธาคมจาก หลวงปู่จันทร์หอม สุภาธโร แห่งวัดบุ้งขี้เหล็ก , อ.ทองสุข ก้อนบุญ ต้นตำหรับเสือสมิง(เสือหัวขาด) ,พ่อคำ ลาช่อง ส่วนในสายพุทธาคมทางภาคกลาง ก็ได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อนพวรรณ คุณาสาโร แห่งวัดเสนานิมิตรอยุธยา ท่านอาจารย์เบสเคารพยิ่งพ่ออาจารย์ที่เมตมาต่ออาจารย์เบส เสมอ เวลาใครถามท่านจะตอบว่า "ไอ้นี่มันลูกกู" หรือแม้แต่หลวงปู่หมุน หลวงปู่สรวง(เทวดาเล่นดิน) หลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว ขนาดหลวงปู่หมุนยังบอกว่า "เณรนี่เทวดามาเกิด" พิธีพุทธาภิเษกที่วัดสุทัศน์หลวงปู่หมุนบอกให้รอเณรเบสถึงเริ่มพิธีได้ และอีกหลายๆท่านที่อาจารย์เบสได้ขนขวายไปศึกษาร่ำเรียนจากทั่วสารทิศด้วยความใฝ่รู้ตั้งแต่เป็นสามเณร จนสึกมาหลายปีก็ยังไม่ได้หยุดการตามหาศึกษาความรู้ และประสพการณ์ใหม่ๆทั้งในและประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง หากเมื่อย้อนไป6-7ปีก่อนแล้วในเมืองเชียงใหม่และใกล้เคียงถือว่าท่านมีชื่อเสียงพอควรและเคยมีศิษยานุศิษย์ในการขออนุญาติจัดสร้างเหรียญมาแล้วถึง 3รุ่น ในขณะที่ตอนนั้นท่านเป็นเณร และหมดไปด้วยเพราะประสพการณ์ทางด้านคงกระพันชาตรี จากทหาร ตชด.ในครั้งนั้นเพราะส่วนมากลูกศิษย์ของท่านจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและทหารและบรรดาวัยรุ่น ซึ่งในตอนนั้นมีแก๊งค์วัยรุ่นต่างๆ ที่เกิดประสพการณ์ในเรื่องคงกระพัน หลังจากท่านอาจารย์วรพล ได้ลาสิกขาแล้วยังได้แสวงหาความรู้เรื่อยๆและท่านได้เก็บตัวเงียบมาตลอด ซึ่งก็จะมีบรรดาศิษย์ท่านที่เข้าไปเยี่ยมหาท่านอาจารย์ โดยจะรู้ๆกันในเฉพาะวงใน จนล่าสุดประสพการณ์จากเหรียญรุ่น3 สมัยเป็นเณรซึ่งสร้างถวายโดยท่านสส.สันติ ตันสุหัส เกิดประสพการณ์อีกครั้ง โดยอภปร.บ้านหนองป่าครั่ง แม่คาว เชียงใหม่โดนรุมแทง7รุม1ไม่เข้า โดย อภปร.คนนี้แขวนเหรียญติดตัวโดยได้มาจาก พ่อหลวงต๋อย "ศิษย์เอกอาจารย์วิเศษ" จนทำให้เรื่องราวของท่านกลับมาเริ่มโด่งดังในแผ่นดินลานนาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ท่านโดนการรบเร้าจากศิษยานุศิษย์ให้ท่านเปิดตัวหลังจากท่านขออยู่เงียบๆเก็บตัวทบทวนและศึกษาสรรพวิชา ที่ได้ร่ำเรียนมาหลายปีโดยท่านให้เหตุผลว่า " เรายังเด็กอายเขา " ท่านห้ามฟ้าห้ามฝนได้ ใช้ผีใช้พลายได้ เสกวัวธนูเดินต่อหน้าศิษย์ เสกหนุมานกระโดดออกบาตร ใครสักยันต์กับท่านท่านจะฟันด้วยมีดคมคม วัตถุมงคลทุกรุ่นก่อนแจกท่านจะลองยิงให้แน่ใจว่าลูกศิษย์ที่ได้รับไปนำไปใช้แล้วจะเกิดผล ช่วงสุดท้ายในชีวิตท่าน ท่านทราบวันที่ท่านจะมรณะล่วงหน้า ท่านได้สั่งเสียพ่อแม่ลูกศิษย์ไว้ก่อนแล้วเป็นเวลาหนึ่งเดือน วัตถุมงคลของท่านช่วงแรกเป็นที่รู้จักกันเฉพาะกลุ่มแต่มาถึงตอนนี้ เป็นที่ต้องการของผุ้ศรัทธาทั้งหลาย นั่นแสดงว่า ถึงเวลาแล้วที่เกียรติคุณของท่านจะได้รับการกล่าวขานเป็นตำนานต่อไป
|
|