***ตะกรุด อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสผู้เรืองเวทย์ ***
***ตะกรุด ผู้เรืองเวทย์ที่ไม่ใช่พระภิกษุสงฆ์ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย ตะกรุด อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสผู้เรืองเวทย์ ถือว่าเป็นของหายากมากเพราะสมัยนั้น สุดยอดตะกรุดสาริกาเนื้อเงิน ยาว ๓ นิ้ว มีลูกขั้นเป็นเงินพดด้วง เก่าโบราณเก่าถึงยุค หายากที่สุด***
***ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช การทำตะกรุคมหาจักรพรรดิตราธิราชครั้งนั้น มีการจัดพิธีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อพ.ศ. ๒๔๘๒ มีการอาราธนาพระคณาจารย์มาร่วมพิธีปลุกเสกมากมาย ซึ่งเวลานั้นถือว่าเป็นพิธีใหญ่และมีจำนวนคณาจารย์ร่วมปลุกเสกมากมาย ตะกรุด มหาจักรพรรดิตราธิราช อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสผู้เรืองเวทย์ ถือว่าเป็นของหายากมากเพราะสมัยนั้นมีการเช่าบูชาเฉพาะเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ และแม่ทัพนายกองเท่านั้น ตะกรุดของอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ตัวจริงเสียงนั้นหายากมาก แกนกลางจะเป็นไม้ไผ่ลวกเหลาให้เล็ก ส่วนด้านนอกเป็นเนื้อเงิน สภาพสวยสมบรูณ์มาก ส่วนลวดลายการแกะศิลปะงดงามตามแบบฉบับของท่าน ถือได้ว่าเป็นของล้ำค่าที่สุดของท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ฆราวาสผู้เรืองเวทย์ก็ว่าได้ และจัดได้ว่าเป็นตะกรุดแนวหน้าของเมืองไทยก็ว่าได้***
***ประวัติ "อาจารย์เฮง ไพรยวัล" จากจารึกที่เก็บกระดูกอาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เขียนไว้ว่า "เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี"
***พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน
เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือ จ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๑๓๓-๒๑๔๘) นั้น รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ
ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก
หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน
หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง
ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่
สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ
โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ดังเดิม
*** ตอนสมัยที่ท่านเข้ามาพระนครนั้น เป็นสมัยยุคนักเลง และ อั้งยี่เฟื่องฟู... พวกที่คอยขย้ำกันอยู่ในเมืองกรุงก็มี เก้ายอด หลวงพ่อหรุ่น , พวกยันต์แดง อ.เฮง , สามล้อถีบวัดสามจีน และ พวกลูกศิษย์สาย หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา พ่อแก้ว คำวิบูลย์
สมัยนั้น อ.เฮง จอดเรืออยู่หน้าวัด เชิงเลน (วัดบพิธภิมุข)... สักกันจนตำรวจต้องไปขอร้องให้เลิกสัก..เพราะลูกศิษย์ลูกหาไปเป็นโจรกันเยอะเหลือเกิน ปราบก็ยาก เนื่องจากคงกระพันนั้นเป็นเลิศทีเดียว...
อ.เฮง ท่านเป็นเลิศในหลายๆด้าน ทั้งไสย ทั้งศิลป์ และท่านยังเป็นเพื่อนซี๊ปึก กับ ครูเหม เวชกร... ครั้งนึง ครูเหม ออกปากว่า.. "..หน้าพรหม ไม่มีใครเขียนให้เห็นได้ทั้งสี่หน้า ที่ อ.เฮงคนเดียว ที่เขียนได้.."
ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้มากครับ แต่ขอยกตัวอย่างชิ้นนึงคือเหรียญพรหม4 หน้า อ.เฮง มีหลายรูปแบบ ทั้ง หน้าโล่ห์ ทรงกลม ข้าวหลามตัด... เป็นที่นิยมมานาน ของแท้นั้นหาดูไม่ง่ายนัก...แต่นับวันยิ่งจะสูญหาย และหาคนเป็นได้น้อยลง ...ที่จะว่ากันวันนี้ ก็จะเป็นเหรียญนิยมที่เรียกว่าเหรียญโล่ห์ และรูปนำมาให้ชมกันวันนี้ เป็น "เหรียญโล่ห์เงิน หน้าทอง" ... โดยองค์พรหมจะเป็นทองคำ ยึดติดกับพื้นเหรียญด้วยวิธีตอกตาไก่ และจะมีรอยจารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่สำคัญที่ด้านหลัง กึ่งกลางเหรียญจะลงไว้ด้วยยันต์ "จักรเพชร" หรือ "ยันต์ภา" นั่นเอง โดยการผูกยันต์ภาต่อกันเป็นรูปวงกลม โดยรอบจะมี ตารางตรนิสิงเห . เม อะ มะ อุ , นะ ทรงธรณี รวมทั้งยันต์ห้าด้วย...ลงจารไว้อย่างสวยงามทีเดียว
เหรียญพรหม ของท่าน อ.เฮงนั้น หลายท่านเคยตั้งข้อกังขาว่า พิธีจะครบหรือไม่...ยืนยันครับว่า ครบ ท่าน อาจารย์ผูกพิธีทั้งพุทธ และ พาร์ม อย่างครบถ้วน โดยทางพิธีพุทธนั้น มีหลวงปู่สี วัดสะแก เป็นประธานทุกครั้ง
เครื่องรางชุด "พระมหาพรหมธาดา" นี้ มีดีทุกอย่าง อาราธนาอธิษฐานเอาได้เลย ใช้ได้ทางเมตตา และป้องกันตังแบบครอบจักรวาล เป็นมหาอุด คงกระพัน มีเรื่องเหตุเพทภัย ให้อาราธนาดังนี้ "โอม จัตุรพักตรพรหมา นะมามิหัง" แล้วจะรอดปลอดภัยทุกประการ ด้วยจิตที่ยึดมั่น ใจมั่น แล. :D***
|