ชื่อเดิม เผ่น ทาแก้ว
บิดาชื่อ นาย หมวก ทาแก้ว
มารดาชื่อ นาง ไหว ทาแก้ว
วันเกิด วันที่ ๗ มิถุนายน
เกิดที่ บ้านร้องขุด หมู่ที่ ๑๐ ต. แม่ก๊า อ. สันป่าตอง จ. เชียงใหม่
มีพี่น้อง จำนวน ๖ คน
บรรพชา ๖ พฤษภาคม ๒๔๘๗ ณ วัดร้องขุด ต. แม่ก๊า อ. สันป่าตอง จ. เชียงใหม่
อุปสมบท ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๗ ณ วัดโรงวัว ต. แม่ก๊า อ. สันป่าตอง จ. เชียงใหม่
มรณะภาพ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔
ประวัติโดยย่อ
ขณะที่ท่านยังเยาว์วัยนั้นได้เกิดอุทกภัยน้ำท่วม บิดามารดา จึงต้องอุ้มท่านหนีน้ำไปยังที่ต่างๆ บิดา-มารดาของท่านจึงตั้งชื่อท่านว่า “ เผ่น ”
ครั้นเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี บิดาท่านจึงนำไปฝากไว้กับ ครูบาคำพัน ที่วัดแม่ก๊า อำเภอสันป่าตอง เพื่อที่จะให้บรรพชาเป็นสามเณร เนื่องจากท่านเป็นเด็กที่มีอุปนิสัยเฉลียวฉลาด และสุขุมเยือกเย็น ครูบาคำพันจึงเปลี่ยนชื่อให้ท่านใหม่ว่า “ เย็น ” หลังศึกษาพระธรรมวินัยมาจนอายุได้ ๒๑ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยได้รับฉายาว่า ฐานธมฺโม แล้วได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดร้องขุด อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่นี่ท่านก็ได้เป็นครูสอนนักธรรม และช่วยสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนในหมู่บ้านนั้นด้วย ในช่วงนี้เองที่ท่านได้ใช้เวลาในการฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับครูบาเต้า คมภิโร และได้ออกเดินธุดงค์ ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา ๒ ปี
จนกระทั้งในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านจึงได้เดินทางมาจำวัดอยู่ที่วัดบ้านปง ตำบลปงตำ อำเภอฝาง ซึ่งตอนนั้นยังไม่เจริญ ถนนหนทางเข้าสู่หมู่บ้านก็ไม่มี ท่านก็เล็งเห็นว่าตำบลปงตำบลนี้เป็นสถานที่สำคัญที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก ท่านจึงได้ชักชวนชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจกันทำถนนเข้าสู่หมู่บ้าน ได้จนสำเร็จ โดยไม่ได้อาศัยเงินงบประมาณแผ่นดินเลยแต่อย่างใด
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ หลวงพ่อบุญเย็นท่านเห็นว่าเด็กๆยังขาดการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ขอจัดสร้างโรงเรียนวัดบ้านปง ให้เป็นสมบัติของทางราชการ รวมถึงการเป็นผู้นำคณะผู้มีจิตศรัทธาสร้างถนนติดต่อกับถนนใหญ่ จากบ้านท่าสู่บ้านปงแม่วะ จากป่างิ้วมาสู่บ้านแม่ทะลบ และได้สร้างถนนเข้าสู่ถ้ำตับเต่า และได้สร้างฝายบ้านอ่าย ฝ่ายปงตำเพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกร
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงพ่อบุญเย็นท่านได้ก่อสร้างสำนักสงฆ์พระเจ้าพรหมมหาราชขึ้น ที่บ้านป่าไม้แดงและภายหลังได้เปลี่ยนเป็น วัดป่าไม้แดง(พระเจ้าพรหมมหาราช)
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ท่านได้สมณะศักดิ์เป็น “ พระครูประดิษฐ์พรหมคุณ ” ในวันที่ ๕ ธันวาคม
จนกระทั่งปี ๒๕๒๘ มีศรัทธาได้ถวายที่ดิน ๓๐ไร่ ให้ท่านสร้างสำนักสงฆ์ ท่านจึงได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นชื่อว่า “ สำนักสงฆ์พรหมประกาศิต ” ที่บางไทรและจำพรรษาอยู่ที่นี่จนถึงปี ๒๕๓๔ ท่านได้กลับมาทำภารกิจที่วัดป่าไม้แดง และเกิดอาพาธด้วยโรคประจำตัว คือโรคเบาหวาน จนมรณภาพไปในที่สุด เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ด้วยอาการไตวาย
|