ปฐมเหตุแห่งการจัดสร้าง

ก่อนหน้านั้น ถ้าใครไปกราบนมัสการหลวงพ่อวัดศรีบุญเรือง มักได้รับแจกพระเครื่องและวัตถุมงคลจากหลวงพ่ออยู่เสมอๆ พระเครื่องเหล่านี้มีอยู่หลายพิมพ์เป็นพระที่หลวงพ่อนำมาจากที่ต่างๆ ทำให้ผู้รับแจกหรือผู้ที่ได้รับมอบต่อไปอีกนั้น เมื่อนานๆไปอาจจำไม่ได้เป็นพระที่ได้มาจากหลวงพ่อ

ด้วยสาเหตุนี้เอง คณะศิษย์ของหลวงพ่อวัดศรีบุญเรืองซึ่งมีทันตแพทย์ชาติชาย  พัฒนศิษฏางกูรเป็นแกนนำ จึงมีแนวคิดที่จะสร้างพระเครื่องขึ้นมาเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะของหลวงพ่อ

เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับหลวงพ่อและได้รับความเห็นชอบ ท่านได้นำเอาพระคงมาให้เป็นต้นแบบ คณะผู้จัดสร้างจึงนำเอาศิลปะของพระคงมาผสมผสานกับพระรอด จนได้พุทธลักษณะออกมาในแบบที่ลงตัว

พุทธลักษณะและศิลปะขององค์พระ

ถอดพิมพ์มาจากพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย องค์พระประทับนั่งภายใต้ร่มโพธิ์ในปางสะดุ้งมาร กรอบรูปทรงองค์พระเป็นรูปห้าเหลี่ยมรีๆ ขนาดกระทัดรัดโดยมีความสูง2.3 ซ.ม.และกว้าง 1.3 ซ.ม. หน้าตรง และส่วนหลังขององค์พระจะโค้งอูมพองาม ในบริเวณด้านหลังนั้นประทับด้วยยันต์เมตตามหานิยมไว้ตรงกลางและมีรอยมือของหลวงพ่อประทับอยู่เสมือนหนึ่งว่า หลวงพ่อท่านได้กดพิมพ์เอง

หลวงพ่อท่านได้ให้ชื่อพระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้ว่า พระพุทธมนต์มหามงคล

มวลสารและเนื้อว่านในองค์พระ

คุณวินัย ชัยเลิศ แห่งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดน่านได้มอบว่านมหามงคลต่างๆอันเป็นมวลสารสำคัญในการจัดสร้างพระให้อาจารย์ชุมพล แก้วศรีวงค์ครูโรงเรียนบ้านท่าล้อและมีพระประเสริฐ ธมฺมวโร (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน)กับพระเณรในวัดเป็นผู้ดูแลในการตากและจัดเก็บว่านให้เป็นหมวดหมู่ ต่อมาได้รับความช่วยเหลือจากคุณชัยยงค์ จึงวัฒนา ร้านแสงเจริญเภสัช ท่าวังผา เป็นผู้นำว่านไปบดให้ละเอียด 

ว่านที่ใช้ในการจัดสร้างพระเครื่องในครั้งนี้ มีคุณวิเศษในด้านต่างๆ ดังนี้  เมตตามหานิยม / อยู่ยงคงกระพัน / เมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี

ระยะเวลาในการสร้างพระ

เริ่มต้นขึ้นในเดือน กุมภาพันธ์ 2526 โดยกะว่า จะทันปลุกเสกในวันพญาวันคือวันที่ 15 เมษายน 2526  แต่....ได้เกิดปัญหาบางประการคือ เนื้อพระไม่มีความแกร่ง แตกหักได้ง่ายอีกทั้งการประสานตัวไม่ดี เมื่อถูกน้ำจะยุ่ยเป็นผงและเมื่อลองนำไปเผาไฟ มวลสารที่เป็นเนื้อว่านถูกเผาทำลายไปด้วย

การทดลองผลิตเนื้อพระให้ได้ตามที่ต้องการ มีการลองผิดลองถูกหลายครั้ง ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จนล่วงเข้าปลายปี พ.ศ. 2526 ทุกอย่างจึงเริ่มลงตัว

จากพระผงพุทธมนต์เข้าสู่มูลนิธิพระครูพุทธมนต์โชติคุณ (ขัติยศ ธมฺมเถระ)

จุดประสงค์เริ่แรกของคณะผู้สร้าง ต้องการสร้างพระจำนวนหนึ่งเพื่อจ่ายแจกในกลุ่มลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อ แต่เมื่อทราบว่าหลวงพ่อได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งเพื่อจัดตั้งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยากไร้ให้กับโรงพยาบาลในจังหวัดน่าน

คณะผู้สร้างจึงเรียนปรึกษากับหลวงพ่อและนายแพทย์บุญยงค์ วงค์รักมิตร เพื่อนำพระมาสมนาคุณให้กับผ้บริจาคเงินสมทบมูลนิธิ ซึ่งในการนี้ ต้องสร้างเพิ่มขึ้นจากเดิมนับพันๆองค์ทีเดียว โชคดีที่ได้คุณสุเทพ เต็งไตรรัตน์รับเป็นธุระให้ในต้นปี 2527และสามารถพิมพ์พระได้มากถึง 3,000 องค์ เตรียมให้หลวงพ่อปลุกเสกได้ทันเวลา

การปลุกเสกพระพุทธมนต์มหามงคล

ในวันที่ 7 มิถุนายน 2527 หลวงพ่อได้นั่งปลุกเสกเดี่ยวนานถึง 2 ชั่วโมงเป็นปฐมฤกษ์

ในวันที่ 23 มิถุนายน 2527 ในโอกาสที่หลวงพ่ออายุครบรอบ80 ปีบริบูรณ์และย่างเข้าปีที่ 81 ได้มีการนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ในจังหวัดน่าน 21 รูปผู้เจริญด้วยอายุพรรษาและทรงวิทยาคุณ มาเจริญพุทธมนต์และสืบชาตาหลวงพ่อ ในการนี้ ได้นำเอาพระพุทธมนต์มหามงคล เข้าพิธีปลุกเสกด้วย ณ อุโบสถวัดศรีบุญเรือง

พระเดชพระคุณเจ้าที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ประกอบด้วย พระราชนันทาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดน่าน พระสาราธิคูณ เจ้าคณะอำเภอสา วัดบุญยืน หลวงพ่อวัดบ้านก๋ง อ.ท่าวังผา หลวงพ่อสม วัดเมืองราม อ.สาหลวงพ่อวัดช้างค้ำ อ.เมืองน่าน ....เป็นต้น

เมื่อผ่านพ้นพิธีพุทธาภิเษกนี้แล้ว หลวงพ่อจึงมอบพระให้แก่คณะศิษย์และสาธุชนทั่วไป

บทส่งท้าย...

พระผงพุทธมนต์นี้ ประกอบไปด้วยมวลสารว่าน108และเกศาหลวงพ่อ นับเป็นสิ่งอันเป็นมงคลอย่างยิ่งที่ผู้รับจะได้ไว้เป็นศิริมงคลกับตัว

สิ่งที่หลวงพ่อยึดถือตลอดเวลาคือ ท่านจะต้องให้สร้างพระที่องค์เป็นพระพุทธรูปอยู่เสมอ เพราะท่านถือว่า อำนาจพุทธคุณของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีวันเสื่อมคลาย

วิธีใช้พระพุทธมนต์มหามงคลให้ได้ผลดี

1. ตั้งนะโมสามจบ

2. อาราธนาว่า พุทธังอาราธนานัง ประสิทธิเม / ธัมมัง อาราธนานัง ประสิทธิเม