อภินิหาริย์พระแก้วบ้านหลวง...ตั้งปลุกลุกขึ้นได้เอง ต่อหน้าคนนับร้อย!!!!!!!
พระแก้วบ้านหลวง หรือ พระแก้วมรกต บ้านหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดหลวง ต.สวด อ.บ้านหลวง จ.น่าน ได้แสดงอภินิหาริย์ต่อหน้าชาวบ้านหลวง ขณะที่กำลังดำเนินพิธีพุทธาภิเษก โดยตั้งปลุกลุกขึ้นได้เองเป็นที่อัศจรรย์
ในพิธีพุทธาภิเษก พระแก้วบ้านหลวงรุ่นแรก มีพระเดชพระคุณเจ้า พระครูอินทรสรวิสุทธิ์(ครูบาสม วัดเมืองราม) เป็นประธานในพิธี ครั้นถึงช่วงการสวดอัญเชิญชุมนุมเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาสถิตย์ในรูปหล่อองค์เล็กของพระแก้วบ้านหลวง บรรดารูปหล่องค์เล็กๆเหล่านี้ คณะกรรมการได้จัดวางเรียงรายโดยนอนหงายอยู่ในถาดกลางปะรำพิธี อยู่ดีๆก็พากันตั้งกระดกองค์พระลุกนั่งเสียงดังเกรียวกราวกลางพิธี
ข่าวนี้ เมื่อแพร่ออกไป.... หลังพิธีเปิดให้บูชา รูปหล่อพระแก้วบ้านหลวงรุ่นแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นที่ผิดหวังอย่างมากกับผู้ที่อยากได้ แต่ไม่ได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2537 ซึ่งเป็นระยะเวลาผ่านมาถึง 20 ปีแล้ว เรื่องนี้ยังคงมีการกล่าวขานไม่รู้ลืม
มาดูประวัติของพระแก้วบ้านหลวง กันดีกว่าครับ จะเห็นว่า ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาแต่เดิมแล้ว
สาเหตุที่เรียกองค์พระแก้ว ว่า พระแก้วมรกตนั้น เพราะตัวองค์พระเป็นแก้วทึบสีเขียวเข้ม ลงรักปิดทองไว้ มีขนาดหน้าตัก ประมาณ 3 นิ้ว สูง5 - 6 นิ้ว
ประวัติและความเป็นมา
พระแก้วมรกตแห่งวัดบ้านหลวง ต.สวด อ.บ้านหลวง จ.น่าน มีหลักฐานข้อมูลจากการบอกเล่าของผู้เฒ่า ผู้แก่ในท้องถิ่น ว่า ในอดีตคนเมืองสวด(ชาวบ้านหลวงในปัจจุบัน)ถูกเกณฑ์ทหารไปรบที่เมืองเชียงตุง อาวุธที่ใช้ในการสู้รบก็มีเพียง มีด หอกและดาบ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นความสามารถในวิทยาคมทางไสยศาสตร์และเครื่องรางของขลัง รวมไปถึงปฏิภาณไหวพริบในการสู้รบแต่ละครั้ง ......
ในการรบครั้งหนึ่งทหารชาวเมืองสวดถูกข้าศึกตีถอยร่นมาอาศัยจอมปลวกใหญ่เป็นที่กำบัง เมื่อข้าศึกปีนจอมปลวกเข้ามาก็ถูกทหารเมืองสวดฆ่าตายหมดสิ้น กลุ่มข้าศึกจึงใช้วิธีการยิงถล่มเข้ามาในบริเวณจอมปลวกแต่ก็ไม่สามารถทำลายจอมปลวกและทหารชาวเมืองสวดได้ ข้าศึกได้พยายามหลายครั้งจนสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก ในที่สุดก็ได้ล่าถอยไป
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทหารชาวเมืองสวดได้ร่วมกันวิเคราะห์ถึงสาเหตุการรอดชีวิตมาในครั้งนี้และปรากฏการณ์แห่งความแคล้วในการสู้รบ เชื่อว่า ต้องมีของดีอยู่ในจอมปลวกเป็นแน่ จึงชวนกันขุดจอมปลวกเพื่อพิสูจน์
ในที่สุดได้พบพระแก้วมรกตและพระพุทธรูปที่มีลักษณะใกล้เคียงกันอีก 1 องค์
เมื่อสงครามสิ้นสุด ทหารชาวเมืองสวดจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสองมาประดิษฐานไว้ที่วัดหลวงในอำเภอบ้านหลวงเพื่อให้เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเพื่อดลบันดาลให้ผู้คนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
เหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนจากสถานการณ์ของความต่างลัทธิอุดมการณ์ทางการเมืองของไทยตั้งแต่ปี 2512เป็นต้นมา ความศักดิ์สิทธ์ของพระแก้วบ้านหลวงเป็นที่เลื่องลือทำให้บรรดาข้าราชการ ทหาร ตำรวจและพลเรือน แคล้วคลาดจากอันตรายหลายต่อหลายครั้ง
ทำให้มีผู้คนอยากได้พระแก้วบ้านหลวงไปไว้ในครอบครองโดยใช้กลอุบายต่างๆนานาแต่เพราะความศักดิ์สิทธิ์ทำให้พระแก้วมรกตนี้ยังอยู่คู่กับชาวบ้านหลวงต่อไป
จนกระทั่งวันหนึ่ง กลุ่มคนร้ายวางแผนเผาทำลายบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ใกล้ๆวัด เมื่อชาวบ้านชุลมุนในการเก็บข้าวของและดับเพลิงที่ลุกไหม้อยู่นั้น กลุ่มคนร้ายได้แอบเข้าไปขโมยพระ แต่ด้วยอภินิหาริย์และความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกตทำให้คนร้ายได้ไปแต่เพียงพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกันไปได้เท่านั้น
ปัจจุบันนี้พระแก้วบ้านหลวง(พระแก้วมรกต)ประดิษฐานอย่างมั่นคงที่วัดหลวง ต.สวด อ.บ้านหลวง และมีประเพณีสรงน้ำพระแก้วนี้ทุกปีในช่วงวันสงกรานต์ เพื่อดลบันดาลให้ทุกท่าน ทุกคนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
ในระยะแรก ยังไม่มีการสร้างวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับ พระแก้วบ้านหลวง ชาวบ้านหลวงได้อาศัยรูปภาพพระแก้วบ้านหลวง เป็นของดีคู่กาย ในการเดินทางไปไหนมาไหน ตลอดจนเก็บไว้เป็นศิริมงคลที่บ้าน
(รูปพระแก้วบ้านหลวง)
รูปภาพพระแก้วบ้านหลวงในยุคแรกๆที่ยังไม่ได้สร้างรูปหล่อจำลองและเหรียญ เป็นที่รักและหวงแหนของลูกหลานชาวบ้านหลวงเป็นอย่างมาก
เล่ากันว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วบ้านหลวง ทำให้ถ่ายรูปไม่ติดไม่ว่ากล้องถ่ายรูปยี่ห้อใดๆก็ตาม
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนนิมิตฝันไปว่า องค์พระแก้วอนุญาตให้คนที่ไม่เคยพูดปดมาก่อนเลยในชีวิตถ่ายรูปท่านได้และบุคคลนั้นก็คือคนใบ้ที่อาศัยอยู่ในละแวกวัดหลวงนั่นเอง ซึ่งเป็นผู้ที่ถ่ายรูปองค์พระแก้วบ้านหลวงออกมาได้เป็นครั้งแรก
ดังนั้น รูปที่ท่านเห็นปรากฏอยู่นี้ จึงมีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์มาก
ปิดท้ายด้วยเรื่องเล่าถึงปาฏิหาริย์และอานุภาพในอิทธิบารมีของพระแก้วบ้านหลวง
ในอดีต การรับเงินเดือนของข้ารราชการ ต้องนำฎีกาเงินเดือนของแต่ละหน่วยงานมารับที่คลังจังหวัด เนื่องจากสถานการณ์ในช่วงปี 2510 - 2525 เขตอำเภอรอบนอกถูกคุกคามโดยภัยของผ.ก.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่การเงินและอส.ที่มารับเงินเดือนต้องหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเป็นที่พึ่ง พระแก้วบ้านหลวงจึงถูกอัญเชิญมาคุ้มครองและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยอาราธนาท่านมาไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก๊ตฟิลด์ (ท่านที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปคงนึกภาพออก)
ถ้าเมื่อใด องค์พระแก้วบ้านหลวงขยับจนรับรู้ได้ จะมีการบอกต่อๆกันไปว่า จะมีภัยในข้างหน้า ขบวนรถเจ้าหน้าที่จะหยุดรอ จนพระแก้วท่านสงบลงไม่ขยับแล้ว จึงเดินทางต่อไป
และเมื่อเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ทุกครั้ง จะมีร่องรอยของเฝ้ารอและซุ่มโจมตีอยู่
อานุภาพของพระแก้วบ้านหลวงทำให้ทุกคนแคล้วคลาดจากอันตราย
เรื่องต่อมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อุบัติเหตุ จากเส้นทางอ.บ้านหลวงเข้ามาในตัวเมือง ถนนหนทางคดโค้งและอันตราย รถโดยสารและรถยนต์ส่วนตัว ถ้ามีรูปหรือพระแก้วบ้านหลวงอยู่ จะเดินทางโดยปลอดภัย ผิดกับรถที่ไม่มีรูปพระแก้วบ้านหลวง มักเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ ทำให้เสียชีวิตและทรัพย์สิน
แม้แต่เหรียญรุ่นแรกของพระแก้วบ้านหลวง (ปี 2537) ยังก่อเกิดปาฏิหาริย์เหลือเชื่อในบริเวณสี่แยกหน้าร้านหมอชูศักดิ์ เมื่อพี่สาวขี่มอเตอร์ไซค์ น้องชายซ้อนท้าย มืออุ้มลังใส่แก้วน้ำ มาด้วยความเร็วเต็มที่ มีรถยนต์วิ่งฝ่าไฟแดงตัดหน้า เบรคกระทันหัน รถล้ม ตัวคนน้องล้มทับลังใส่แก้วน้ำ ...เหลือเชื่อ อิทธิบารมีของพระแก้วบ้านหลวง ทำให้ไม่ได้รับบาดแผลใดๆ เพียงแค่ ลังแก้วแตก คมแก้วทะลุมทำให้เสื้อแสงขาดวิ่นเท่านั้นเอง เลือดเท่ายางบอนไม่มีสักนิด
***แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้เล่าถึง อภินิหาริย์พระแก้วบ้านหลวงกันได้อย่างไร****
|