ด้ายสายสิญจน์ครูบาชัยวงค์
ทุก
ครั้งที่มีการทำบุญนิมนต์พระมาสวดเจริญพุทธมนต์
แม้จะเป็นของไสยศาสตร์หรือเรื่ององการทำบุญต่างๆก็ตามสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ
ด้ายสายสิญจน์
เมื่อมีด้ายสายสิญจน์ก็ต้องมีบาตรน้ำมนต์วางหน้าที่บูชาและมีด้ายสายสิญจน์
ต่อโยงลงมาจากองค์พระพุทธรูปมาพันเข้ากับบาตรน้ำมนต์ตอนปลายของสายสิญจน์
นั้นจะถูกส่งไปที่พระภิกษุสงฆ์ที่กำลังเจริญพระพุทธมนต์อยู่โดยมีพระภิกษุ
สงฆ์ถือด้ายสายสิญจน์อีกปลายหนึ่งซึ่งส่งต่อกันไปตลอดแถวมือที่ถือนั้นประนม
ในเวลาสวดเจริญพุทธมนต์ไปด้วย
มี
เรื่องในเตลปัตตชาดกลิตตวรรคเอกนิบาต ขุนทกนิกาย
เล่าไว้ว่าสมัยหนึ่งเมื่อมีพระโพธิสัตว์
ได้อุบัติในราชตระกูลของพระเจ้าพรหมทัตในเมืองพาราณสีพระองค์เป็นพระกนิษฐ
ภราดรองค์สุดท้อง วันหนึ่งทรงคิดว่าพระเจ้าพี่
ของเรามีมากมาย
ราชสมบัติในพระนครนี้จะตกทอดมาถึงเราเชียวหรือควรจะถามพระปัจเจกพุทธเจ้าดู
คงจะรู้ได้ ครั้นวันรุ่งขึ้น
เมื่อนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าขณะรออยู่จนฉันเสร็จจึงถามถึงข้อสงสัยพระ
ปัจเจกพระปัจเจกพุทธเจ้าพิจารณาดูก็รู้ว่าพระโพธิสัตว์จะไม่ได้ครองสมบัติใน
เมืองนี้แต่จะไปได้ในเมืองตักกสิลาในระหว่างที่พระโพธิสัตว์เสด็จไปเมืองตัก
กสิลานั้นมีนางยักษิณีอาศัยอยู่
นางยักษิณีนี้ชอบหลอกลวงจึงขอให้พระโพธิสัตว์อย่าหลงในรูปเสียงกลิ่นสัมผัส
ให้มากนัก
พระ
โพธิสัตว์เมื่อได้ฟังคำเตือนก็รับไว้ด้วยความเคารพและอาราธนาให้พระปัจเจก
พุทธเจ้าทั้งหลายสวดพระปริตร และ ปริตนสุตตะ คือ ด้ายปริตร
หรือด้ายสายสิญจน์ พระพุทธปัจเจกพุทธเจ้ามอบด้ายสายสิญจน์ ให้
พระโพธิสัตว์แล้วก็นมัสการลากลับ ทูลลาพระมารดาให้ทรงทราบ
เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็เสด็จกลับมาบอกบุรุษทั้ง 5 ซึ่งเป็นมหาดเล็กของพระองค์ว่าจะเสด็จไปยัง นครตักกสิลาบุรุษทั้ง 5ก็ยินดีที่จะเสด็จตามไปด้วยแต่พระโพธิสัตว์ได้บอกว่าถ้าจะเสด็จตามไปด้วยกัน
ละก็จงอย่ายินดีในรูปรส กลิ่น เสียง สัมผัสเลยทีเดียว
ฉะนั้นจะเป็นอันตรายเมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทาง วันหนึ่งพระโพธิสัตว์ และบุรุษทั้ง 5 เดิน
ทางมาถึงดงใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีนางยักษิณีอาศัยอยู่
พอนางยักษ์ได้เห็นบุรุษเหล่านั้นก็ชอบใจจำแลงกายเป็นสาวสวยลงมาเพื่อล่อให้
หลง คนไหนชอบรูปงามก็แปลงรูปให้งาม คนไหนชอบเสียงก็ทำเสียงให้ไพเราะถูกใจ
หลอกล่อบุรุษทั้ง 5 ไป
กินจนหมด
เหลือแต่พระโพธิสัตว์เพียงองค์เดียวนางยักษิณีจะหลอกล่อแต่อย่างใดพระ
โพธิสัตว์ก็มิได้หวั่นไหวไปตามรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส นั้น
นางยักษิณีก็ทำอันตรายพระโพธิสัตว์นั้นไม่ได้
ได้แต่เดินตามไปข้างหลังทั้งนี้พระโพธิสัตว์มีของดีติดตัวมา คือทราย
และด้ายสายสิญจน์ทีพระปัจเจกพุทธเจ้ามอบให้
เมื่อ
พระโพธิสัตว์เสด็จถึงเมืองตักกสิลาก็ได้เข้าพัก ณ
ศาลาแห่งหนึ่งได้เอาสายเสกโรยบนศีรษะและเอาได้สายสิญจน์วนรอบศาลาด้วยเดช
อำนาจของสายเสกและด้ายสายสิญจน์นางยักษ์ก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้อีก
จนในที่สุดพระราชาเมืองตักกสิลาได้เสด็จมาพบนางยักษ์แปลงกายอย่างสวยงามเข้า
ก็พอพระทัยเอามาเป็นพระสนมในที่สุดก็ถูกนางยักษ์จับกิน
เมืองตักกสิลาจึงไม่มีพระราชาครองเมือง
ประชาชนครั้นเห็นรูปโฉมพระโพธิสัตว์มีลักษณะดีพอสมควรเป็นราชาได้ก็พา
อัญเชิญให้ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระราชาเมืองตักกสิลาสืบไป
ด้วยเหตุนี้ด้ายสายสิญจน์จึงนิยมถือเป็นประเพณีใช้ล้อมสถานที่ในเวลาประกอบพิธีและใช้ในมงคลอื่นๆเช่นสวมศีรษะ สวมคอ ผูกข้อมือ โดย
ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ป้องกันอันตรายได้เหตุที่ต้องใช้ด้ายสายสิญจน์กระทำ
ดังนี้มีความหมายในลัทธิพราหมณ์อยู่ว่าเป็นการถ่ายปราณหรือถ่ายกระแสแห่ง
อำนาจพุทธคุณจากองค์พระพุทธรูปและพระธรรมจากที่พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ไปตาม
ด้ายสิญจน์ถึงภาชนะใส่น้ำมนต์และวัตถุมงคล
ทุก
ครั้งที่มีการทำบุญนิมนต์พระมาสวดเจริญพุทธมนต์
แม้จะเป็นของไสยศาสตร์หรือเรื่องของการทำบุญต่างๆก็ตาม
สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ด้ายสายสิญจน์
เมื่อมีด้ายสายสิญจน์ก็ต้องมีบาตรน้ำมนต์วางหน้าที่บูชาและมีด้ายสายสิญจน์
ต่อโยงลงมาจากองค์พระพุทธรูปมาพันเข้ากับบาตรน้ำมนต์ตอนปลายของสายสิญจน์
นั้นจะถูกส่งไปที่พระภิกษุสงฆ์ที่กำลังเจริญพระพุทธมนต์อยู่โดยมีพระภิกษุ
สงฆ์ถือด้ายสายสิญจน์อีกปลายหนึ่งซึ่งส่งต่อกันไปตลอดแถวมือที่ถือนั้นประนม
ในเวลาสวดเจริญพุทธมนต์ไปด้วย
ด้าย
สายสิญจน์ถือเป็นของสูงเพราะโยงมาจากพระพุทธรูปเสมือนพระพุทธรูปได้มีส่วน
ร่วมในการเจริญพระพุทธมนต์ใครจะเหยียบจะข้ามไม่ได้เป็นอันขาด
สายสิญจน์จึงเท่ากับโยงความเคารพต่อมายังผู้ประกอบพิธี
ในขณะที่พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ซึ่งมีด้ายสายสิญจน์อยู่ในมือทำให้ท่าน
มีสติระมัดระวังมิให้เผลอทำให้ท่านตั้งใจสวดจริงๆ ถือเสมือนหนึ่ง
ว่าจิตของท่านพร้อมถึงพระธรรมจะได้ผ่านไปตามเส้นด้ายนั้นเป็นการเพิ่ม สติ
สมาธิ ปัญญา อันเป็นรากฐานและที่มาของพลังจิตเข้มขลังอันศักดิ์สิทธิ์ |