เชือก(ผ้าดิบผี)คาดเอว ลพ.ม่วง วัดบ้านทวน จว.กาญจนบุรี สภาพหักเป็นท่อน (3 ท่อน) แต่ได้นำเชือกมาผูกรัดไว้ ยังมิได้ตกแต่ง (เดิมได้มากับคนเฒ่าโบราณเดิมมีสภาพดี แต่มีอุบัติเหตุ ก็เลยมีสภาพเท่าที่เห็นครับ) ที่ จว.กาญ ฯ เพราะไปฝึกที่นั้นมา รับรองหามิได้อีกแล้ว เพราะเห็นมีแต่ แหวน/ มงคลแขวนเชือกคาดแขน เท่านั้น ส่วน เชือก(ผ้าดิบผี)คาดเอว หายากมากครับ. สนใจโทรถามได้ครับ ร.อ.มนัส 0895058354 (เวลาราชการ) 022976775 งด ส./อ.
วัดบ้านทวน ตั้งอยู่ตำบลพนมทวน อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เป็นวัดประจำท้องถิ่น มีหลวงปู่ม่วงเป็นพระเกจิที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ปัจจุบันได้มรณภาพแล้ว แต่ทางวัดได้จัดสร้างรูปเหมือนท่านโดยนำประดิษฐาน ณ มณฑปหลวงปู่ม่วง เปิดให้เข้านมัสการกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลในทุกเช้าวันพระ
ข้อมูลประวัติ
เกิด วันอังคาร ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ปีมะแม ปี 2366 ณ บ้านทวน
อ.พนมทวน กาญจนบุรี เป็นบุตรของ นายมั่น นางโย
อุปสมบท ปี 2387 ขณะอายุ 21ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านทวน
มรณภาพ ปี 2484
รวมสิริอายุ 89 ปี 68 พรรษา
วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
เหรียญรุ่นแรก สร้างเนื่องในโอกาสรับพระราชทานสมณศักดิ์ มี 2 ชนิด คือ เหรียญปั๊ม และเหรียญหล่อ เหรียญปั๊ม มีพิมพ์หน้าแก่ และหน้าหนุ่ม และหน้าโบราณ เหรียญหล่อ มีพิมพ์ยันต์ใหญ่ และพิมพ์ยันต์เล็ก โดยสังเกตจากขนาดของตัวอักขระ บริเวณของเหรียญ สำหรับวัตถุมงคลอื่น ๆ ประกอบไปด้วย แหวนพิรอด ทั้งพิรอดนิ้ว และพิรอดแขน ที่หายากที่สุด คือ มงคลแขวนเชือก(ผ้าดิบผี) คาดเอว
มงคลแขวนเชือก(ผ้าดิบ)คาดเอว ของพระครูสิงคิคุณธาดา (หลวงพ่อม่วง จันทสโร) วัดบ้านทวน จ.กาญจนบุรี เป็นเครื่องรางที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดของเครื่องราง ที่นักสะสมเครื่องรางต่างก็ใฝ่ฝันที่จะได้มาไว้ในครอบครอง เพราะคนที่มีก็ต่างหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง มงคลแขน และแหวนพิรอดของหลวงพ่อม่วงหายากแล้ว แต่มงคลแขวนเชือก(ผ้าดิบฯ)คาดเอว หายากยิ่งกว่า เพราะท่านทำน้อย ค่อยข้างหายากมาก สร้างจากตำราโบราณ ท่านทำด้วยผ้าดิบตามตำราโบราณบันทึกไว้ว่าทำจากผ้าดิบห่อศพหรือผ้ามัดตราสัง นำมาตัดเป็นเส้นแล้วลงอักขระหมึกจีนที่ผ้าด้วยพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์ ลงเดินหน้า ถอยหลัง กลับไปกลับมา เรียกว่าสงไปสงกลับ หรือสงกลับไปสงกลับมา ที่สมัยนี้นิยมเรียกลงอักขระสดุ้งกลับ คือกลับสิ่งเลวสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี หรือที่ดีอยู่แล้วก็จะทำให้ดียิ่งๆขึ้น เมื่อใครอยากจะได้ก็จะไปขอให้ท่านเมตตาทำให้ ท่านก็จะพิจารณาทำให้เป็นรายบุคคลไป เมื่อทำเสร็จแล้ว หลวงปู่จะทดสอบความขลังในเวลาค่ำคืนอันเป็นเดือนมืดดึกสงัด ท่านจะก่อกองไฟทำพิธีแล้วท่านจะโยนมงคลแขน หรือแหวนพิรอดนั้นๆเข้าไปในกองไฟจนรุ่งเช้าท่านก็จะมาเขี่ยกองขี้เถ้าดู ถ้าวงใดที่ไหม้ไฟถือว่ายังใช้ไม่ได้ ถ้าวงใดไม่ไหม้ไฟก็ถือเป็นอันเสร็จใช้ได้ ท่านก็จะมอบให้แก่ผู้ที่มาขอไป ซึ่งบางคนกว่าจะได้ต้องรอนานหลายๆเดือน จนกว่าท่านจะมีเวลาทำให้ คนที่ได้นำไปใช้ต่างก็มีประสบการณ์กันมากมาย จึงเป็นที่นิยมเสาะหาพกพาติดตัวกันมากในหมู่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ที่ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลมาจนเป็นอย่างดี
อุปนิสัยของท่าน
ท่านเป็นพระใจดีมีพรหมวิหารธรรม ใครได้พบได้สนทนาด้วย ก็รู้สึกอิ่มเอิบใจ ไม่ถือตัวถือชั้นวรรณะ เป็นกันเองแก่คนทั่วไป นอกจากเหรียญของท่านแล้ว ก็มีแหวนพิรอดนี่แหละดังมากๆ จนมีคำขวัญว่า “ของดีของขลังของเมืองกาญจนบุรีก็มีลูกอมวัดหนองบัว แหวนพิรอดวัดบ้านทวน” ซึ่งดีทางคงกระพันชาตรี ก่อนจะแจกหลวงปู่จะไปเอาใส่ในกองไฟ อันใหนไฟไม่ไหม้ จึงหยิบมาแจก นับว่าเป็นพระเถระ ที่มีอาคมและใช้อาคมแกล่งกล้ามาก
ต้นตำรับตำรา
อันตำราทำมงคลแขน และแหวนพิรอดแหวนพิรอดและมงคลแขวนเชือก(ผ้าดิบ)คาดเอว ถักนี้เป็นของโบราณ สืบแต่แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมัยนั้นในราชสำนักมีอาจารย์ฆราวาสชื่อดัง ๒ คน คือ พระวิชาจารย์มนตรี(อาจารย์ชาตรี) กับหลวงราชปรีชาหาญ(อาจารย์พิรอด)"น่าจะเป็นที่มาของชื่อแหวน(ความเห็นส่วนตัว_วัต ท่าพระจันทร์)" อาจารย์ ๒ คนนี้เคยไปกับ พระวิสูตรสุนทร(ปาน)หรือโกษาปาน ถึงประเทศฝรั่งเศส และได้ลองวิชาอาคมให้พระเจ้าหลุยส์ ประเทสฝรั่งเศสเป็นที่พอพระทัยมาก ได้รับรางวัลกลับเมืองไทยมากมาย หลวงพ่อม่วง(พระครูสิงคิคุณธาดา) บำรุงศาสนกิจมาด้วยความเรียบร้อย ท่านไม่เคยเจ็บป่วยออดแอด แต่พอชรามากก็หนีกฎธรรมดาไม่พ้น ได้ถึงมรณภาพด้วยโรคชรา สิริอายุได้ ๘๙ ปี ได้ทิ้งคุณงามความดีไว้เป็นที่ร่ำลือมาจนทุกวันนี้.เป็นความรู้เล็กๆครับ
พระคาถาบูชาการใช้
โอมพระพิรอด ขอดพระพินัย_หัวใจพระคาถาเมื่อสวมใส่หรือพกพา
โอมพระพินัย คลายพระพิรอด_หัวใจพระคาถา เมื่อถอดออก
|