พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
อู้ได้ซะป๊ะเรื่อง

สุดยอด!!! ประสบการณ์!!! ตะกรุดหลวงพ่อทบกับคำบอกเล่าของปลัดวิโรจน์


สุดยอด!!! ประสบการณ์!!! ตะกรุดหลวงพ่อทบกับคำบอกเล่าของปลัดวิโรจน์

   
 

ชีวประวัติของท่านปลัดวิโรจน์  พรหมประเสริฐ

                                                     ศิษย์เอกของหลวงพ่อทบ  วัดชนแดน

                                           วีรบุรุษกล้าผู้ท้าดวลกับพญามัจจุราช ชนิด 1 ต่อ 9                  

            ข้าพเจ้านายวิโรจน์   พรหมประเสริฐ เกิดเมื่อวันที่ 29 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2468  ตรงกับวันพุธ เดือน 9 ขึ้น 9 ค่ำ ปีฉลู  ที่บ้านเหนือวัดใหม่ (ตลาดโพธิ์จันทร์ของวัดภูเขาดิน)  ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์                     

        เมื่อมีอายุครบ 8 ขวบ ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนศาลาวัดใหม่ จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4   จากนั้นได้ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนชายเพชรพิทยาคม       ซึ่งตั้งอยู่คนละข้างกับโรงเรียนศาลาวัดใหม่  จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดรุ่นที่3 ในปี พ.ศ.2485 รุ่นเดียวกับศึกษาเต็ง  แสงวิจิตร  ศึกษาสุธน   ปิ่นปัก                      

            เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ก็เข้าทำงานเป็นเสมียนคนต่างด้าว ได้รับเงินเดือนๆละ 20 บาท ทำอยู่ได้ไม่นานลาออกไปเป็นครูประชาบาล ได้รับเงินเดือนๆละ 20 บาทเท่ากัน ต่อมาลาออกไปเป็นเสมียนโรงงานเนื้อนม ซึ่งตั้งอยู่ในด่านกักสัตว์สมัยรุ่นนครบาลเพชรบูรณ์ ได้รับเงินเดือนๆละ 30 บาท ทำได้ไม่นานก็ลาออกไปเป็นเสมียนจ้างของกรมทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งตั้งอยู่ในวัดทุ่งสะเดียง ได้รับเงินเดือนๆละ 30 บาท   พอปี พ.ศ.2487 กรมทางหลวงได้ได้ย้ายกลับกรุงเทพ  ข้าพเจ้าจึงลาออกสมัครสอบเป็นเสมียนปกครองสอบได้ที่ 1 บรรจุเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2487 ได้รับเงินเดือนๆละ 24 บาท  เป็นเสมียนกรมการปกครองที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์                        

                   ปี พ.ศ. 2489 รัฐบาลโอนงานสอบสวนคดีอาญาแผ่นดินให้ฝ่ายอำเภอเป็นผู้สอบสวน  ตำรวจมีหน้าที่จับผู้ร้ายอย่างเดียว  ข้าพเจ้าบรรจุเข้าทำงานเป็นเสมียนคดี ปี พ.ศ. 2490  ข้าพเจ้าสอบปลัดอำเภอได้ที่ 2  บรรจุเป็นปลัดอำเภอเมืองเพชรบูรณ์   พอถึงปี พ.ศ. 2497 ได้ย้ายไปเป็นปลัดอำเภอชนแดน                       

                    วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2500 ข้าพเจ้ากับ ร.ต.อ.เทียน    มงคลการ  ได้ไปพบผู้ใหญ่เอ็บที่ตลาดเขาทราย อำเภอตะพานหิน  เพื่อขอความร่วมมือให้ไปจับตัวนายเทียน   โพธิ์ศรีอาจ   ซึ่งเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายที่บ้านกล้วย อำเภอชนแดน  ผู้ใหญ่เอ็บ แจ้งว่ารู้จักนายเทียน   โพธิ์ศรีอาจดีเพราะว่าตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านไคอีเผือก เจ้าตัวจะอยู่หรือไม่ต้องให้สายสืบไปสืบดูก่อน  พรุ่งนี้เวลา 2 โมงเช้าพบกันที่บ้านผู้ใหญ่เอ็บตลาดเขาทราย                       

            วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นวันนัด ร.ต.อ.เทียน  มงคลการไม่ไป  ข้าพเจ้าแต่ผู้เดียวได้ขึ้นรถเมล์ทรัพย์มงคลปัญญาไป  ขณะนั่งรถเมล์ไปนั้นสังเกตคนโดยสารไปด้วย  รถวิ่งไปถึงตลาดตำบลดงขุย  ได้มีผู้ชายวัยกลางคนจำนวน 3 คน  ในคราบคนร้ายขึ้นรถเมล์ไปนั่งเบาะหลังข้าพเจ้า ท้ายรถมีการลุกลี้ลุกลนเหลียวซ้ายแลขวา  พอรถวิ่งไปถึง ก.ม. 26  ถนนสายเพชรบูรณ์ - ตะพานหิน ห่างจากตลาดเขาทราย 4 ก.ม. ได้มีคนร้าย 2 คน ยืนโบกมือให้รถหยุด รถก็หยุดเป็นเวลา 7.00 น. ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าชักปืนออกจี้คนโดยสารด้านซ้าย อีกคนหนึ่งชักปืนออกจี้คนโดยสารทางข้างขวา พร้อมกับพูดว่าเครื่องประดับมีของอะไรเรียงตัวไปมอบ  ขัดขืนตาย และคนร้ายออกจากที่ซ่อนตัวด้านขวาอีก 4 คน วิ่งเอาปืนและเคาะรถไปด้านขวาพูดว่าเอามาให้ดีๆ ขัดขืนตายรวมเป็นผู้ร้าย 6 คน ทุกคนยกมือยอมแพ้จะเอาอะไรก็ยอมขอชีวิตไว้ก่อน         

                ข้าพเจ้านั่งแถวริมด้านซ้ายติดกับช่องทางเดินปลายสุดลงประตูรถเมล์  เห็นคนร้ายประกาศการปล้นโดยตลอด ข้าพเจ้าจึงภาวนาพระคาถาของหลวงพ่อทบและคุณพ่อคุณแม่ช่วย ข้าพเจ้าขนลุกตั้ง ใจสู้ ข้าพเจ้าจึงทำหน้าที่เพื่อปกป้องคุ้มครองคนโดยสาร เป็นเจ้าพนักงานไม่สู้เสียชื่อเสียงยอมตายดีกว่า จึงชักรีวอลเออร์ขนาด 9 ม.ม.ออกจากพเอวเป็นเวลาที่คนร้ายที่ขึ้นมาจากตลาดดงขุย 3 คนแสดงตัวเป็นคนร้ายจะเก็บทรัพย์สินของคนโดยสาร  เห็นข้าพเจ้าสู้ชักปืนออกมาแล้วคนร้ายคนหนึ่งพูดว่ามึงสู้มึงตาย เอาปืนจี้หลังแล้วยิงข้าพเจ้าทันที 1 นัดแต่ปืนไม่ดัง ข้าพเจ้าจึงเอี้ยวตัวยิงคนร้าย 1 นัดดังสนั่น คนร้ายได้โดดรถไปดิ้นตายข้างๆ รถต่อหน้าหัวหน้าทางซ้าย หัวหน้าพูดว่าเสียงปืนดังในรถไม่ใช่ของพวกเรามีคนสู้จัดฆ่าอย่างเดียวพูดเสร็จก็วิ่งข้นมาถึงประตูรถเมล์พบกับข้าพเจ้าห่างกันไม่เกิน 2 ศอก ต่างคนต่างยกปืนขึ้นยิงต่อสู้กัน ปืนคนร้ายไม่ดังส่วนปืนของข้าพเจ้าดังปังถูกคนร้าย  คนร้ายไม่สู้หันหลังวิ่งไปทางหน้ารถ                   

              ข้าพเจ้าคิดถึงผู้โดยสาร ถ้าสู้กันในรถจะต้องมีการตายกันขึ้นจึงตัดสินใจยอมตายให้สมศักดิ์ศรีที่เป็นเจ้าพนักงานให้ความคุ้มครองประชาชน  จึงประโดดลงจากรถวิ่งไปไล่ขับหัวหน้าคนร้ายทันบนถนนหน้ารถเมล์แล้วยิงซ้ำอีกนัดหนึ่ง หัวหน้าคนร้ายดิ้นตายต่อหน้าคนร้ายที่อยู่ข้างรถ  ข้าพเจ้ายิงคนร้ายตายไป 2 คนแล้ว คนร้าย 2 คนที่อยู่บนรถได้ลงรถมาช่วยคนร้ายข้างล่างรวมเป็น 7 คนช่วยกันยิงข้าพเจ้า แต่ปืนไม่ดังข้าพเจ้าจึงยิงคนร้ายบาดเจ็บไป 1 คนจนกระสุนหมด 6 ลูก คลำหากระสุนในกระเป๋ากางเกงไม่มี ปรากฏว่าไม่ได้เอาลูกปืนอะไหล่มา  กำลังใจของข้าพเจ้าตกวูบวิ่งหนีคนร้ายไปขออาวุธปืนจากนายเหลียง  โคศุพ  นายละมุดหรือยุทธ์  ตันอุดม  นายกเทศมนตรีเมืองหล่มสักไม่ได้และไม่มีผู้ใดยิงตอบโต้ช่วย ข้าพเจ้าคิดว่าวันตายของข้าพเจ้าคือวันนี้  คนร้ายได้ระดมยิงข้าพเจ้าเสียงปืนดังสนั่นเป็นประทัดแตก ไม่ทราบว่ากี่นัดต่อกี่นัด กระสุนถูกตัวข้าพเจ้าตั้งแต่ปลีน่องจนถึงศีรษะ  แต่กระสุนปืนไม่เข้า เพียงแต่มีเลือดออกเป็นยางบอนเท่านั้น เพราะพระคาถาบุญบารมีหลวงพ่อทบและคุณพ่อแม่ช่วยคุ้มครองอยู่ แต่ข้าพเจ้ายังวิ่งหนีคนร้ายได้อยู่ ได้กระโดดเกาะหน้ารถด้านขวา และสั่งให้คนขับรถหนีไปอย่างเร็ว คนร้ายได้ยิงรถโดยสารด้านหลังอีก 1 นัด เป็นรู 9 รู และยิงขึ้นบนหลังคาอีก 1 นัด ถูกไม้แตกฉีก คนโดยสารปลอดภัยและไม่ได้ทรัพย์สินของคนร้ายเลย             จากนั้นข้าพเจ้าได้นำรถวิ่งมาถึงบ้านผู้ใหญ่เอ็บตลาดเขาทราย อำเภอตะพานหิน ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 4  กิโลเมตร ข้าพเจ้าได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้ใหญ่เอ็บและตอนประเทือง ตอนการทางฟัง และให้ช่วยจับคนร้ายด้วย ผู้ใหญ่เอ็บได้นำลูกบ้าน 10 กว่าคนขึ้นรถไปจับคนร้ายในที่เกิดเหตุ แต่คนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว สรุปแล้วข้าพเจ้าต่อสู้กับคนร้าย 9 คน มีกระสุน 6 นัด ยิงคนร้ายตายไป 2 คน บาดเจ็บ 1 คน แต่ข้าพเจ้าถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บเป็นแผล 53 แผล               

        ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้รายงานการต่อสู้คนร้ายปล้นรถเมล์ทรัพย์ปัญญาให้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบและพิจารณาความดีความชอบให้ข้าพเจ้า 2 ขั้น พลตำรวจเอกเผ่า  ศรียานนท์ ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ข้าพเจ้าไปพบ ขอดูบาดแผลและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ข้าพเจ้าจึงไปพบพลตำรวจเอกเผ่า  ศรียานนท์ ให้ดูบาดแผลและได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ท่านสั่งให้ข้าพเจ้าไปเล่าเหตุการณ์ให้อธิบดีกรมการปกครองฟังและดูบาดแผลอีก           อธิบดีกรมการปกครองสั่งให้ข้าพเจ้าไปรายงานเล่าเหตุการณ์ในที่ประชุมของคณะกรรมการศูนย์อาชญากรรมกองปราบปรามสามยอดฟัง มีท่านรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปรามได้สอบถามข้าพเจ้าว่า คุณมีความรู้สึกอย่างไรตอนที่คนร้ายเอาปืนจี้หลังคุณ ข้าพเจ้าได้ตอบทันทีว่า คนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปราบปรามและปกป้องคุ้มครองประชาชน  กลัวคนร้ายควรลาออกจาตำแหน่งไปเป็นครูประชาบาล ซึ่งไม่มีหน้าที่จับคนร้าย พฤติการณ์ต่างๆซึ่งข้าพเจ้ายิงสู้กับคนร้ายในรถแล้วกระโดดจากรถวิ่งไล่ขับยิงกันรอบรถ ท่านว่าผมกลัวตายหรือไม่    ข้าพเจ้าตอบท่านว่าไม่กลัว ในที่ประชุมไม่มีคณะกรรมการท่านใดสอบถามอีก คณะกรรมการศูนย์อาชญากรรมกองปราบปรามสามยอดได้พิจารณาได้ให้เงินเดือน 4 ขั้น เงินรางวัลเกี่ยวกับการปราบปรามผู้ร้าย เงิน 5,000 บาท พร้อมด้วยเงินรักษาพยาบาล และให้แหวนอัศวินทองคำ 1 วง นอกจากนี้ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการขอพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์ให้อีกนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นชอบด้วย               

                    เรื่องการต่อสู้ยิงกับผู้ร้ายปล้นรถเมล์ทรัพย์ปัญญาของข้าพเจ้านี้นักข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวในการต่อสู้กันอย่าง

เกรียวกราวหลายวัน นอกจากนี้ยังได้มีหนังสือของทางราชการลงข่าวอีก เช่นหนังสืออาชญากรรมของการมตำรวจ หนังสือเทศาภิบาลของกรมการปกครอง หนังสือวารสารกำนันผู้ใหญ่บ้านกรมการปกครองอีก หนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ข้าพเจ้าเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ แต่มีเหตุสุดวิสัยเก็บไว้ไม่ได้ เนื่องจากโรงสีเพชรเจริญเผาเอาเงินประกัน ปี พ.ศ. 2523 บ้านของข้าพเจ้าปลูกติดอยู่กับโรงสีเพชรเจริญได้ถูกไฟไหม้บ้านไปด้วย ทรัพย์สินเสียหายเก็บไม่ทัน เพราะเหตุเกิดกลางคืน ตอนตีหนึ่ง ตีสอง หนังสือทั้ง 3 เล่มถูกไฟไหม้หมด ตอนนั้นข้าพเจ้าไปปฏิบัติราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ปล่อยให้ลูก 4 คนเฝ้าบ้านภรรยาข้าพเจ้าก็ตายไปแล้ว หาญาติพี่น้องช่วยไม่ทันเพราะเป็นเวลานอนหลับกัน ข้าพเจ้าและบุตร 4 คนเดือดร้อนมาก ข้าพเจ้าได้นำบุตรทั้ง 4 คนไปให้นางทัศนีย์ น้องสาวเลี้ยงและให้กำลังใจ ข้าพเจ้าวิ่งเต้นขอย้ายเข้าบ้าน เพื่อมาเลี้ยงลูกและให้กำลังใจลูก กรมการปกครองได้เมตตาสั่งย้ายข้าพเจ้าไปเป็นปลัดอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ข้าพเจ้าเดินทางมารับตำแหน่งได้เพียง 5 วัน ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์สั่งย้ายไปเป็นปลัดอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ข้าพเจ้าเดือดร้อนจึงเข้าพบปลัดจังหวัดว่าอย่าย้ายข้าพเจ้าอีกเลย ข้าพเจ้ามีความผิดอะไรนึกถึงความดีของข้าพเจ้าบ้าง  ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ไม่ยอมต้องย้ายคุณไม่เหมาะสมอยู่อำเภอเมือง เหมาะสมอยู่อำเภอหล่มสักตอนนั้นข้าพเจ้าอายุได้ 52 ปี เหลือเวลาครบเกษียนอีก 8 ปี เมื่อท่านไม่เห็นความเดือดร้อนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจำใจต้องลาออกปลัดจังหวัดได้สั่งให้ข้าพเจ้ายื่นไปลามา ข้าพเจ้าจึงยื่นไปลาออกในปี พ.ศ. 2523 มาเลี้ยงลูก ให้ขวัญและกำลังใจกับลูกทั้ง 4 คน ซึ่งยังไม่มีครอบครัว                                                                             

                                                                                        เรียบเรียงโดย อาจารย์ วีรวัฒน์  วงศ์วาน

ขออนุญาติเจ้าของเดิมเพื่อเป็นการเผยแพร่ เกรียติภูมิหลวงพ่อทบครับ

 
     
โดย : TUI FM 2012   [Feedback +0 -0] [+0 -0]   Tue 28, Jun 2011 18:30:14
 




 

กราบอมตะเถระแห่งเมืองมะขามหวาน หลวงพ่อทบ วัดชนแดน และ ขอยกนิ้วให้สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ....

 
โดย : เซียนน้อยKSR    [Feedback +1 -0] [+0 -0]   [ 1 ] Wed 29, Jun 2011 23:09:43

 
สุดยอด!!! ประสบการณ์!!! ตะกรุดหลวงพ่อทบกับคำบอกเล่าของปลัดวิโรจน์ : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.