ชีวประวัติของท่านปลัดวิโรจน์
พรหมประเสริฐ
ศิษย์เอกของหลวงพ่อทบ
วัดชนแดน
วีรบุรุษกล้าผู้ท้าดวลกับพญามัจจุราช
ชนิด 1 ต่อ 9
ข้าพเจ้านายวิโรจน์ พรหมประเสริฐ เกิดเมื่อวันที่ 29
เดือนสิงหาคม พ.ศ.2468 ตรงกับวันพุธ เดือน 9 ขึ้น 9 ค่ำ
ปีฉลู ที่บ้านเหนือวัดใหม่
(ตลาดโพธิ์จันทร์ของวัดภูเขาดิน) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง
จังหวัดเพชรบูรณ์
เมื่อมีอายุครบ
8 ขวบ ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนศาลาวัดใหม่
จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
จากนั้นได้ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนชายเพชรพิทยาคม
ซึ่งตั้งอยู่คนละข้างกับโรงเรียนศาลาวัดใหม่ จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดรุ่นที่3 ในปี พ.ศ.2485
รุ่นเดียวกับศึกษาเต็ง แสงวิจิตร
ศึกษาสุธน ปิ่นปัก
เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ก็เข้าทำงานเป็นเสมียนคนต่างด้าว ได้รับเงินเดือนๆละ 20
บาท ทำอยู่ได้ไม่นานลาออกไปเป็นครูประชาบาล ได้รับเงินเดือนๆละ 20 บาทเท่ากัน
ต่อมาลาออกไปเป็นเสมียนโรงงานเนื้อนม
ซึ่งตั้งอยู่ในด่านกักสัตว์สมัยรุ่นนครบาลเพชรบูรณ์ ได้รับเงินเดือนๆละ 30 บาท
ทำได้ไม่นานก็ลาออกไปเป็นเสมียนจ้างของกรมทางหลวงแผ่นดิน
ซึ่งตั้งอยู่ในวัดทุ่งสะเดียง ได้รับเงินเดือนๆละ 30 บาท พอปี
พ.ศ.2487 กรมทางหลวงได้ได้ย้ายกลับกรุงเทพ
ข้าพเจ้าจึงลาออกสมัครสอบเป็นเสมียนปกครองสอบได้ที่ 1 บรรจุเข้าทำงานตั้งแต่วันที่
16 ธันวาคม พ.ศ.2487 ได้รับเงินเดือนๆละ 24 บาท
เป็นเสมียนกรมการปกครองที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
ปี พ.ศ. 2489
รัฐบาลโอนงานสอบสวนคดีอาญาแผ่นดินให้ฝ่ายอำเภอเป็นผู้สอบสวน
ตำรวจมีหน้าที่จับผู้ร้ายอย่างเดียว
ข้าพเจ้าบรรจุเข้าทำงานเป็นเสมียนคดี ปี พ.ศ. 2490
ข้าพเจ้าสอบปลัดอำเภอได้ที่ 2
บรรจุเป็นปลัดอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ พอถึงปี พ.ศ. 2497
ได้ย้ายไปเป็นปลัดอำเภอชนแดน
วันที่
23 มีนาคม พ.ศ. 2500 ข้าพเจ้ากับ ร.ต.อ.เทียน
มงคลการ ได้ไปพบผู้ใหญ่เอ็บที่ตลาดเขาทราย
อำเภอตะพานหิน เพื่อขอความร่วมมือให้ไปจับตัวนายเทียน
โพธิ์ศรีอาจ ซึ่งเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายที่บ้านกล้วย
อำเภอชนแดน ผู้ใหญ่เอ็บ แจ้งว่ารู้จักนายเทียน
โพธิ์ศรีอาจดีเพราะว่าตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านไคอีเผือก
เจ้าตัวจะอยู่หรือไม่ต้องให้สายสืบไปสืบดูก่อน พรุ่งนี้เวลา 2
โมงเช้าพบกันที่บ้านผู้ใหญ่เอ็บตลาดเขาทราย
วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นวันนัด ร.ต.อ.เทียน
มงคลการไม่ไป
ข้าพเจ้าแต่ผู้เดียวได้ขึ้นรถเมล์ทรัพย์มงคลปัญญาไป
ขณะนั่งรถเมล์ไปนั้นสังเกตคนโดยสารไปด้วย
รถวิ่งไปถึงตลาดตำบลดงขุย ได้มีผู้ชายวัยกลางคนจำนวน 3
คน ในคราบคนร้ายขึ้นรถเมล์ไปนั่งเบาะหลังข้าพเจ้า
ท้ายรถมีการลุกลี้ลุกลนเหลียวซ้ายแลขวา พอรถวิ่งไปถึง ก.ม.
26 ถนนสายเพชรบูรณ์ - ตะพานหิน ห่างจากตลาดเขาทราย 4 ก.ม.
ได้มีคนร้าย 2 คน ยืนโบกมือให้รถหยุด รถก็หยุดเป็นเวลา 7.00 น.
ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าชักปืนออกจี้คนโดยสารด้านซ้าย
อีกคนหนึ่งชักปืนออกจี้คนโดยสารทางข้างขวา
พร้อมกับพูดว่าเครื่องประดับมีของอะไรเรียงตัวไปมอบ ขัดขืนตาย
และคนร้ายออกจากที่ซ่อนตัวด้านขวาอีก 4 คน
วิ่งเอาปืนและเคาะรถไปด้านขวาพูดว่าเอามาให้ดีๆ ขัดขืนตายรวมเป็นผู้ร้าย 6 คน
ทุกคนยกมือยอมแพ้จะเอาอะไรก็ยอมขอชีวิตไว้ก่อน
ข้าพเจ้านั่งแถวริมด้านซ้ายติดกับช่องทางเดินปลายสุดลงประตูรถเมล์
เห็นคนร้ายประกาศการปล้นโดยตลอด
ข้าพเจ้าจึงภาวนาพระคาถาของหลวงพ่อทบและคุณพ่อคุณแม่ช่วย ข้าพเจ้าขนลุกตั้ง ใจสู้
ข้าพเจ้าจึงทำหน้าที่เพื่อปกป้องคุ้มครองคนโดยสาร
เป็นเจ้าพนักงานไม่สู้เสียชื่อเสียงยอมตายดีกว่า จึงชักรีวอลเออร์ขนาด 9
ม.ม.ออกจากพเอวเป็นเวลาที่คนร้ายที่ขึ้นมาจากตลาดดงขุย 3
คนแสดงตัวเป็นคนร้ายจะเก็บทรัพย์สินของคนโดยสาร
เห็นข้าพเจ้าสู้ชักปืนออกมาแล้วคนร้ายคนหนึ่งพูดว่ามึงสู้มึงตาย
เอาปืนจี้หลังแล้วยิงข้าพเจ้าทันที 1 นัดแต่ปืนไม่ดัง
ข้าพเจ้าจึงเอี้ยวตัวยิงคนร้าย 1 นัดดังสนั่น คนร้ายได้โดดรถไปดิ้นตายข้างๆ
รถต่อหน้าหัวหน้าทางซ้าย
หัวหน้าพูดว่าเสียงปืนดังในรถไม่ใช่ของพวกเรามีคนสู้จัดฆ่าอย่างเดียวพูดเสร็จก็วิ่งข้นมาถึงประตูรถเมล์พบกับข้าพเจ้าห่างกันไม่เกิน
2 ศอก ต่างคนต่างยกปืนขึ้นยิงต่อสู้กัน
ปืนคนร้ายไม่ดังส่วนปืนของข้าพเจ้าดังปังถูกคนร้าย
คนร้ายไม่สู้หันหลังวิ่งไปทางหน้ารถ
ข้าพเจ้าคิดถึงผู้โดยสาร
ถ้าสู้กันในรถจะต้องมีการตายกันขึ้นจึงตัดสินใจยอมตายให้สมศักดิ์ศรีที่เป็นเจ้าพนักงานให้ความคุ้มครองประชาชน
จึงประโดดลงจากรถวิ่งไปไล่ขับหัวหน้าคนร้ายทันบนถนนหน้ารถเมล์แล้วยิงซ้ำอีกนัดหนึ่ง
หัวหน้าคนร้ายดิ้นตายต่อหน้าคนร้ายที่อยู่ข้างรถ
ข้าพเจ้ายิงคนร้ายตายไป 2 คนแล้ว คนร้าย 2
คนที่อยู่บนรถได้ลงรถมาช่วยคนร้ายข้างล่างรวมเป็น 7 คนช่วยกันยิงข้าพเจ้า
แต่ปืนไม่ดังข้าพเจ้าจึงยิงคนร้ายบาดเจ็บไป 1 คนจนกระสุนหมด 6 ลูก
คลำหากระสุนในกระเป๋ากางเกงไม่มี ปรากฏว่าไม่ได้เอาลูกปืนอะไหล่มา
กำลังใจของข้าพเจ้าตกวูบวิ่งหนีคนร้ายไปขออาวุธปืนจากนายเหลียง
โคศุพ นายละมุดหรือยุทธ์ ตันอุดม
นายกเทศมนตรีเมืองหล่มสักไม่ได้และไม่มีผู้ใดยิงตอบโต้ช่วย
ข้าพเจ้าคิดว่าวันตายของข้าพเจ้าคือวันนี้
คนร้ายได้ระดมยิงข้าพเจ้าเสียงปืนดังสนั่นเป็นประทัดแตก ไม่ทราบว่ากี่นัดต่อกี่นัด
กระสุนถูกตัวข้าพเจ้าตั้งแต่ปลีน่องจนถึงศีรษะ แต่กระสุนปืนไม่เข้า
เพียงแต่มีเลือดออกเป็นยางบอนเท่านั้น
เพราะพระคาถาบุญบารมีหลวงพ่อทบและคุณพ่อแม่ช่วยคุ้มครองอยู่
แต่ข้าพเจ้ายังวิ่งหนีคนร้ายได้อยู่ ได้กระโดดเกาะหน้ารถด้านขวา
และสั่งให้คนขับรถหนีไปอย่างเร็ว คนร้ายได้ยิงรถโดยสารด้านหลังอีก 1 นัด เป็นรู 9
รู และยิงขึ้นบนหลังคาอีก 1 นัด ถูกไม้แตกฉีก
คนโดยสารปลอดภัยและไม่ได้ทรัพย์สินของคนร้ายเลย
จากนั้นข้าพเจ้าได้นำรถวิ่งมาถึงบ้านผู้ใหญ่เอ็บตลาดเขาทราย อำเภอตะพานหิน
ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร
ข้าพเจ้าได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้ใหญ่เอ็บและตอนประเทือง ตอนการทางฟัง
และให้ช่วยจับคนร้ายด้วย ผู้ใหญ่เอ็บได้นำลูกบ้าน 10
กว่าคนขึ้นรถไปจับคนร้ายในที่เกิดเหตุ แต่คนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว
สรุปแล้วข้าพเจ้าต่อสู้กับคนร้าย 9 คน มีกระสุน 6 นัด ยิงคนร้ายตายไป 2 คน บาดเจ็บ
1 คน แต่ข้าพเจ้าถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บเป็นแผล 53 แผล
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้รายงานการต่อสู้คนร้ายปล้นรถเมล์ทรัพย์ปัญญาให้
ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบและพิจารณาความดีความชอบให้ข้าพเจ้า 2 ขั้น
พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์
ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ข้าพเจ้าไปพบ
ขอดูบาดแผลและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ข้าพเจ้าจึงไปพบพลตำรวจเอกเผ่า
ศรียานนท์ ให้ดูบาดแผลและได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
ท่านสั่งให้ข้าพเจ้าไปเล่าเหตุการณ์ให้อธิบดีกรมการปกครองฟังและดูบาดแผลอีก
อธิบดีกรมการปกครองสั่งให้ข้าพเจ้าไปรายงานเล่าเหตุการณ์ในที่ประชุมของคณะกรรมการศูนย์อาชญากรรมกองปราบปรามสามยอดฟัง
มีท่านรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปรามได้สอบถามข้าพเจ้าว่า
คุณมีความรู้สึกอย่างไรตอนที่คนร้ายเอาปืนจี้หลังคุณ ข้าพเจ้าได้ตอบทันทีว่า
คนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปราบปรามและปกป้องคุ้มครองประชาชน
กลัวคนร้ายควรลาออกจาตำแหน่งไปเป็นครูประชาบาล ซึ่งไม่มีหน้าที่จับคนร้าย
พฤติการณ์ต่างๆซึ่งข้าพเจ้ายิงสู้กับคนร้ายในรถแล้วกระโดดจากรถวิ่งไล่ขับยิงกันรอบรถ
ท่านว่าผมกลัวตายหรือไม่ ข้าพเจ้าตอบท่านว่าไม่กลัว
ในที่ประชุมไม่มีคณะกรรมการท่านใดสอบถามอีก
คณะกรรมการศูนย์อาชญากรรมกองปราบปรามสามยอดได้พิจารณาได้ให้เงินเดือน 4 ขั้น
เงินรางวัลเกี่ยวกับการปราบปรามผู้ร้าย เงิน 5,000 บาท
พร้อมด้วยเงินรักษาพยาบาล และให้แหวนอัศวินทองคำ 1 วง
นอกจากนี้ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการขอพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์ให้อีกนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นชอบด้วย
เรื่องการต่อสู้ยิงกับผู้ร้ายปล้นรถเมล์ทรัพย์ปัญญาของข้าพเจ้านี้นักข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวในการต่อสู้กันอย่าง
เกรียวกราวหลายวัน
นอกจากนี้ยังได้มีหนังสือของทางราชการลงข่าวอีก เช่นหนังสืออาชญากรรมของการมตำรวจ
หนังสือเทศาภิบาลของกรมการปกครอง หนังสือวารสารกำนันผู้ใหญ่บ้านกรมการปกครองอีก
หนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ข้าพเจ้าเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ แต่มีเหตุสุดวิสัยเก็บไว้ไม่ได้
เนื่องจากโรงสีเพชรเจริญเผาเอาเงินประกัน ปี พ.ศ. 2523
บ้านของข้าพเจ้าปลูกติดอยู่กับโรงสีเพชรเจริญได้ถูกไฟไหม้บ้านไปด้วย
ทรัพย์สินเสียหายเก็บไม่ทัน เพราะเหตุเกิดกลางคืน ตอนตีหนึ่ง ตีสอง หนังสือทั้ง 3
เล่มถูกไฟไหม้หมด
ตอนนั้นข้าพเจ้าไปปฏิบัติราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ปล่อยให้ลูก 4
คนเฝ้าบ้านภรรยาข้าพเจ้าก็ตายไปแล้ว
หาญาติพี่น้องช่วยไม่ทันเพราะเป็นเวลานอนหลับกัน ข้าพเจ้าและบุตร 4 คนเดือดร้อนมาก
ข้าพเจ้าได้นำบุตรทั้ง 4 คนไปให้นางทัศนีย์ น้องสาวเลี้ยงและให้กำลังใจ
ข้าพเจ้าวิ่งเต้นขอย้ายเข้าบ้าน เพื่อมาเลี้ยงลูกและให้กำลังใจลูก
กรมการปกครองได้เมตตาสั่งย้ายข้าพเจ้าไปเป็นปลัดอำเภอเมืองเพชรบูรณ์
ข้าพเจ้าเดินทางมารับตำแหน่งได้เพียง 5 วัน
ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์สั่งย้ายไปเป็นปลัดอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
ข้าพเจ้าเดือดร้อนจึงเข้าพบปลัดจังหวัดว่าอย่าย้ายข้าพเจ้าอีกเลย
ข้าพเจ้ามีความผิดอะไรนึกถึงความดีของข้าพเจ้าบ้าง
ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ไม่ยอมต้องย้ายคุณไม่เหมาะสมอยู่อำเภอเมือง
เหมาะสมอยู่อำเภอหล่มสักตอนนั้นข้าพเจ้าอายุได้ 52 ปี เหลือเวลาครบเกษียนอีก 8 ปี
เมื่อท่านไม่เห็นความเดือดร้อนของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจำใจต้องลาออกปลัดจังหวัดได้สั่งให้ข้าพเจ้ายื่นไปลามา
ข้าพเจ้าจึงยื่นไปลาออกในปี พ.ศ. 2523 มาเลี้ยงลูก ให้ขวัญและกำลังใจกับลูกทั้ง 4
คน ซึ่งยังไม่มีครอบครัว
เรียบเรียงโดย อาจารย์ วีรวัฒน์ วงศ์วาน
ขออนุญาติเจ้าของเดิมเพื่อเป็นการเผยแพร่ เกรียติภูมิหลวงพ่อทบครับ |