11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน – โฮเวิร์ด, ฮิบเบิร์ตโ(คลแมน น.69), ยาเกียลก้า, ดิสแต็ง, เบนส์, ออสแมน, ไฮติงก้า(ยาคูบู น.69), อาร์เตต้า, พีนาร์, เฟลลานี่, เคฮิลล์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – ฟาน เดอ ซาร์, เนวิลล์, วิดิช, อีแวนส์, เอฟร่า(ปาร์ค จี ซอง น.81), สโคลล์, โอเชีย, เฟล็ตเชอร์, นานี่, เบอร์บาตอฟ, กิ๊กส์
น่าสนใจเพราะเกมนี้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันตัดสินใจไม่ส่งรูนี่ย์ที่มีปัญหานอกสนามลงเล่น ก็น่าคิดว่าเฟอร์กูสันคิดอะไรอยู่ กลัวปัญหาเรื่องสภาพจิตใจและฟอร์มการเล่นหรือกลัวแรงกดดันจากกองเชียร์เอฟเวอร์ตันกันแน่ นัดนี้เบอร์บาตอฟเลยยืนหน้าเดี่ยวมีกิ๊กส์ยืนต่ำคอยสนับนุน ส่วนเอฟเวอร์ตันมีเฟลไลนี่และเคฮิลล์เป็นตัวทีเด็ด
ต้นเกมเอฟเวอร์ตันทำเกมได้ดีกว่าอย่างชัดเจน น.6 เอฟเวอร์ตันได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา อาร์เตต้าอาสายิงเอง บอลโค้งจะมุดเข้าประตูอยู่แล้วเพราะน้าซาร์ไปไม่ถึง แต่บอลไปชนคานออกหลังไป 10 นาทีแรกพลพรรคปีศาจแดงหาบอลกันแทบใม่เจอ เอฟเวอร์ตันได้ส่องไกลหลายครั้งจากแถวสอง แต่ติดบล็อคผู้เล่นแมนยูฯหมด
น.15 แมนยูมาได้โอกาสแรกจากจังหวะที่ โอเชียได้วอลเลย์เต็มข้อจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งได้ใจจริงๆ แต่ก็หลุดกรอบไป ลูกนี้ให้คะแนนยิงมันส์เต็ม 10 ไปเลย
เอฟเวอร์ตันยังบุกมาเป็นชุดๆ น.28 ฮิบเบร์ตขึ้นมาด้านซ้ายก่อนครอสส์เข้ากลาง กองหลังแมนยูฯ ขึ้นโหม่งแฉลบไปเข้าทางเบนส์ที่ได้ยืนโล่ง ๆ แต่เบนส์ดันยิงแป๊กออกข้างไปแบบไม่ได้ลุ้น
น.34 ผีพลาดได้ประตูเพราะฝีเท้าทิม โฮเวิร์ดล้วนๆ เป็นจังหวะที่แมนยูฯ ได้ฟรีคิกมุมซ้ายของกรอบเขตโทษ นานี่ยืนหลอกทำท่าจะยิงเองแต่ไหลเข้ากลางให้พอล สโคลล์วิ่งมาอัดแถวหัวกะโหลกแบบโคตรแรง บอลแฉลบกองหลังท็อฟฟี่ทำท่าจะพุ่งเข้ากลางประตูอยู่แล้ว แต่โฮเวิร์ดที่พุ่งผิดทางไปเรียบร้อยกลับใช้ปลายเท้าเซฟไว้ได้ เหลือเชื่อ! แมนยูฯ ไม่ได้ประตูขึ้นนำ
โฮเวิร์ดอีกแล้ว! เฟล็ตเชอร์หลุดมาทางกราบขวาก่อนจ่ายเลียดเข้ากลางให้กิ๊กส์แตะกองหลังท็อฟฟี่เข้าไปกดเต็มข้อในกรอบเขตโทษ นายทวารอเมริกันยังโชว์ปฏิกิริยาสุดยอดปัดลูกยิงข้ามคานไปได้
จากจังหวะต่อมาเอฟเวอร์ตันสวนกลับ บอลหยอดมากลางสนามให้อาร์เตต้า เป็นเอฟร่าที่โชว์เหวอเคลียร์บอลวืด อาร์เตต้าพาบอลตะลุยจากครึ่งสนามเข้าไปซัดติดตัวซาร์ที่ออกมาบล็อค บอลไปเข้าทางให้ออสแมนที่จ่ายให้พีนาร์ยิงผ่านซาร์เข้าไปได้ เอฟนำช็อค 1-0
ซะงั้น ผีมาได้ประตูตีเสมอจากลูกเข้าทำเบสิคมากๆ นานี่โยนจากฝั่งขวาเข้ากลางอย่างแม่น กองหลังเอฟนัดกันพลาด เฟล็ตเชอร์วิ่งมาเข้าฮอร์สง่ายๆ ระยะไม่ถึง 10 หลา ผีตีเสมอ 1-1 น.43
ช่วงท้ายเกมแมนยูได้ทีบุกใส่เอฟต่อและน่าได้ประตูขึ้นนำจากกองหน้าสุดติสต์เบอร์บาตอฟที่ได้ล้มตัววอลเลย์ในกรอบเขตโทษบอลหลุดเสาไปนิดเดียว จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1
เริ่มครึ่งหลังได้ไม่ทันไร แมนยูขึ้นนำจนได้ เป็นนานี่ที่หลังจากโดนพีนาร์ศอกฟากแตกแล้ววันนี้ก็โยนแม่นเป็นพิเศษ คราวนี้ได้โยนจากกราบขวา กองหลังเอฟก็ยืนกันหลวมตามเคย วิดิชเลยได้เลยสอดขึ้นมาโหม่งแบบเต็มหัว บอลอัดพื้นเข้าประตูไปแบบสุดมันชนิดที่โฮเวิร์ดหมดปัญญาเซฟ ผีผงาดนำ 2-1
ยิ่งแก่ยิ่งเด็ดสำหรับสโคลล์ จากจังหวะที่กองหลังเอฟดันขึ้นหน้ากันหมด สโคลล์วางยาวจากแดนหลังให้เบอร์บาตอฟเอาบอลลงนิ่มๆ ที่กึ่งกลางสนาม ก่อนพาบอลเข้าไปยิงแบบฉีดยาผ่านมือโฮเวิร์ดเสียบเสาเข้าไปอย่างเฉียบขาด ผีนำไกล 3-1 น.66
น.71 เอฟเวอร์ตันได้เสียวเล็กๆ น้อยๆ จากลูกปั่นฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลาของเบนส์ น้าซาร์พุ่งไปไม่ถึงแล้ว แต่บอลเลี้ยวออกข้างไป จังหวะต่อมายาคูบูที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาใช้ความใหญ่ไถผ่านกองหลังผีก่อนจ่ายให้ออสแมนยิงในกรอบเขตโทษ แต่ซาร์ยังล้มตัวเซฟไว้ได้
ช่วงทดเจ็บ เอฟเวอร์ตันกลับมาได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อตามตีตื้นผีเป็น 2-3 จากทิม เคฮิลล์ ดาวเตะจอมโหม่งชาวออสเตรเลียที่ขึ้นโขกเข้าไปง่ายๆ แต่เวลาเหลือไม่มากนัก
อิ๋บอ๋ายแล้ว บอลเหมือนจะไม่มีอะไรแล้วและแมนยูฯ น่าชนะ แต่เอฟเวอร์ตันก็ตื้อสุดๆ ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย จากลูกเปิดทางกราบซ้ายของเบนส์ กองหลังผีโหม่งเคลียร์กันไม่ขาด อาร์เตเต้าอัดจากหัวกะโหลกเสียบมุมเสาเข้าไป เอฟเวอร์ตันตีเสมอโคตรช็อค 3-3 ก่อนจบเกมที่สกอร์นี้ ช่วงสุดท้ายเดวิด มอยส์ลงไปโวยวายกรรมการในสนาม อาจจะเป็นเรื่องการทดเจ็บน้อยเกินไป แต่ที่แน่ๆ ผีพลาด 3 คะแนนแบบน่าตบศีรษะตัวเองเป็นอย่างยิ่ง หลังเกมนักเตะผีเจอแฮร์ไดเออร์แน่ๆ