ใครจะนึกว่าสิ่งธรรมดาที่เราๆ ท่านๆ เคยใช้ เคยเห็นอยู่เสมอๆ จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา กลายเป็นวัตถุมลคลที่มีพุทธคุณ พุทธคุณนี้ มีใช่จะกล่าวอ้างขึ้นมาเพียงลอยๆ ใครที่มี ที่บูชา ย่อมก่อเกิดประสบการณ์ให้เห็นอยู่อย่างสม่ำเสมอแล้ว จนกล่าวเล่าขาน ปากต่อปาก คนสู่คน ใครที่มีจะหวงแหนยิ่งนัก ใครที่ไม่มี ก็เที่ยวเสาะแสวงหา แต่การจะหานั้นไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ( ปัญหา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นตะปูเสกของท่านครูบาสิริฯ)
เหล่านี้ ก็เป็นเพราะเมตตาอันประเสริฐของท่านครูบาสิริฯ วัดปากกอง ที่บรรจงร่ายเวทย์มนต์ บรรจุอาคม คาถา บรรจุพุทธคุณ ให้สิ่งที่ธรรมดาคือ ตะปูตอกบ้านธรรมดา กลายเป็น ตะปูเสก ที่ไม่ธรรมดา
ประวัติการสร้างตะปูเสก
ท่านครูบาสิริฯจัดสร้างในหลายๆโอกาส ทั้งจัดสร้างขึ้นเองโดยไม่มีการร้องขอจากลูกศิษย์ เพื่อแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหา หรือจัดสร้างเมื่อลูกศิษย์ลูกหาร้องขอเพื่อนำไปบูชาป้องกันภูติผีปีศาจในกรณีขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น ตะปูเสกนี้ จึงมีการจัดสร้างตลอดเวลา และจัดสร้างมาอย่างยาวนาน สร้างตั้งแต่ยุคต้นๆจนถึงตราบสุดท้ายของช่วงอายุขัยของท่านครูบาสิริฯ
ระยะเวลาในการปลุกเสกแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความจำเป็นเร่งด่วนในความต้องการของลูกศิษย์ จะเร่งรีบนำไปใช้ขนาดไหน ระยะเวลาของ การปลุกเสกแต่ละครั้งจึงอาจไม่เท่ากัน อาจจะแค่วันเดียว หรืออาทิตย์หนึ่ง หรืออาจจะเป็นไตรมาส หนึ่ง ก็ได้ เป็นต้น
เมื่อจัดสร้างมาอย่างยาวนาน แล้วทำไมไม่ค่อยมีให้เห็นกัน
เรื่องนี้คงตอบได้ไม่ยาก เพราะตะปูเสก จะไม่มีเอกลักษณ์ แยกให้เห็นไปที่แตกต่างจากตะปูทั่วๆไปอย่างเด่นชัด จึงทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ อันไหนตะปูธรรมดา อันไหนตะปูเสก และเมื่อลูกศิษย์ลูกหาได้มา บางท่านก็เก็บไว้บูชา บางท่านก็นำไปใช้ ตอกเสาบ้านเรือน เมื่อไม่มีการบอกต่อจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ เรื่องราวแห่งตะปูเสกที่ได้รับมาจากท่านครูบาสิริฯ ก็เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น คนรุ่นใหม่เห็น ก็เพียงเข้าใจว่า ก็แค่ตะปูธรรมดาที่ตอกอยู่ที่เสาบ้าน ก็เท่านั้น หรือแม้แต่บางดอก ท่านครูบาสิริฯ จะผูกสายสิญจน์ ที่ตะปู เพื่อให้เห็นแตกต่างไปจากตะปูธรรมดาก็ตามที แต่หากคนรุ่นหลังไม่รู้ถึงแหล่งที่มา ก็อาจคิดว่าเป็นแค่ตะปูธรรมดาที่มีเชือกผูกไว้ ก็เท่านั้น และยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่ หากเป็นตะปูเสกที่ไม่ได้ผูกสายสิญจน์แยกให้เห็นอย่างเด่นชัด
ลักษณะของตะปูเสก
จะมีมากมายหลายขนาดหลายชนิด ตามแต่ลูกศิษย์จะนำไปให้ท่านครูบาสิริฯ ปลุกเสก อาจจะขนาด หนึ่งนิ้ว หรือหลายๆนิ้ว หรือแม้กระทั่งเป็นตะปูคอนกรีต เป็นต้น โดยอาจจะเป็นตะปูเปล่า อาจเป็นตะปูผูกสายสิญจน์ หรืออาจจะเป็นตะปูบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ หากเป็นมาตราฐานของจำนวนตะปูที่บรรจุในกระบอกไม้ไผ่ จะมีจำนวน แปด ดอก เว้นแต่ จะมีลูกศิษย์บางท่าน ขอความเมตตาจากท่านครูบาสิริ บรรจุตะปูเป็นจำนวนมากลงไว้ในกระบอกไม้ไผ่ก็มีได้อยู่เช่นกัน(ถ้ามีกระบอกไม้ไผ่ กระบอกไม้ไผ่นี้ถือเป็นไม้ครู ที่ได้รับการปลุกเสกแล้ว จึงมีพุทธคุณ ควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้เช่นกัน)
มาถึงวิธีใช้กันบ้าง
ตะปูเสกนี้ จะมีพุทธคุณในการป้องกัน และแก้ไข เกี่ยวกับเรื่องผีร้ายโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการพกติดตัว การเก็บไว้บูชาที่บ้าน หรือแม้แต่ตอกเสาบ้านหรือข้างฝาบ้าน
คาถาในอาราธนา รวมถึงในการนำไปใช้ คือ
นะโม สามจบ
ปะ ระ มะ ยะ ธัส สะ นะ (แปดจบ)
ข้อควรใส่ใจในการใช้ตอกเสาบ้านเรือนที่มีผีร้ายสิงอยู่นั้น หากเป็นผีที่ร้ายจริงๆ ก็เพิ่มตะปูในการตอกเสาไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ผีก็อยู่ไม่ได้ โดยต้องท่องคาถาในการใช้แต่ละดอก
ข้อพึงระวัง ให้ตอกเสาในเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะช่วงเวลานี้ ผีจะไม่อยู่ที่เสาบ้าน หากตอกเสาบ้านในช่วงเวลาอื่น เราจะสร้างบาปกรรมให้กับตนเอง เพราะเราจะตอกวิญญานผีให้ติดกับเสาบ้านไม่ได้ไปผุดไปเกิด
ขอขอบพระคุณทุกๆท่านนะครับ ที่เข้ามาอ่าน
ด้วยรัก
ริมฝั่งวัง
|