พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
มีข่าวเอิ้นบอก

มาช่วยกันสร้างโบสถ์วัดปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย


มาช่วยกันสร้างโบสถ์วัดปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย


มาช่วยกันสร้างโบสถ์วัดปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย

   
    หลวงปู่ครูบาสิทธินักบุญแห่งขุนเขา เทพเจ้าแห่งดอยลาง
ประวัติโดยย่อครูบาสิทธิ
หลวง ปู่ครูบาสิทธิ อภิวัณโณ ปัจจุบันอายุ ๘๙ ปี(นับตามหลวงปู่ฯบอก) นามเดิมชื่อสิทธิ เมืองใจ เกิด ๑๐ มิย. พศ .๒๔๖๕ ณ. บ้านแม่ฮ่าง ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรคนโตของพ่อบุญมา และแม่ป้อ เมืองใจ ในพี่น้องทั้งหมด ๕ คน หลังจากหลวงปู่ฯเกิดได้ไม่นานพ่อแม่ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านปางกลาง


อายุ ๑๖ ปีได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดปางกลาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ในวันที่ ๕ เม.ย. ๒๔๘๑ โดยมีครูบาแก้ว กาวิชโย วัดมงคลสถาน อุปัชฌาย์


ต่อ มาได้อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี ณ วัดชัยสถาน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ในวันเสาร์ที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๔๘๕ โดยมีครูบาก๋องคำ วัดมาตุการาม เป็นพระอุปปัชฌาย์ ครูบาอุ่นเรือน ธีรปัญโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระคำภีร์ ธมฺมวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้วก็ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม กับครูบาสิงห์แก้ว ที่วัดแม่อายหลวง จนจบนักธรรมเอก ขณะเดียวกันก็ได้ศึกษาอักขระและเวทย์มนต์ล้านนากับพระอธิการวงศ์ เจ้าอาวาสวัดจองกล๋าง อีกทั้งยังใช้เวลาว่างศึกษาค้นคว้าพระเวทย์จากปั๊ปสาต่างๆอีกจำนวนมาก

หลัง จากนั้นในปี ๒๔๙๓ หลวงปู่ท่านได้ถูกส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดห้วยม่วงจนถึง พ.ศ.๒๔๙๗ วัดถำตับเต่าซึ่งอยู่ในป่าลึกเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ พระต้องอยู่ในถ้ำที่มีปู่ฤาษีเจ้าที่แรง เป็นเหตุให้พระที่มีศีลไม่บริสุทธิ์อยู่ไม่ได้ ทำให้ขาดพระจำพรรษามาตลอด ดังนั้นท่านเจ้าคณะอำเภอจึงอาราธณาหลวงปู่ครูบาสิทธิไปช่วยจำพรรษา พอไปถึงหลวงปู่ฯก็ถูกทดสอบอย่างหนัก จนปู่ฤาษีเจ้าที่ยอมรับและดลบันดาลให้การเจริญกรรมฐานของหลวงปู่ฯรุดหน้าไป อย่างรวดเร็ว มีกำลังฌาณสมาบัติสูง ขณะเดียวกันพ่อหนานมูล บ้านร้องธาร ฆาราวาสผู้แก่กล้าอาคมที่โด่งดังสุดๆในยุคนั้นมีบ้านอยู่ใกล้วัดถ้ำตับเต่า ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมและยกตำราให้หลวงปู่จนสิ้น ทำให้หลวงปู่ฯได้ใช้เวลาศึกษาพระเวทย์และปฎิบัติภาวนาอยู่ในถ้ำตับเต่าแห่ง นี้นานถึง ๙ ปี

กระทั่ง ปี พศ.๒๕๐๘ พ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน) เสา แห่งหมู่บ้านปางต้นเดื่อ ยอดดอยลาง ดินแดนที่อำนาจรัฐของประเทศไทยในขณะนั้นเข้าไปไม่ถึง ในพื้นที่เต็มไปด้วยกองกำลังกลุ่มต่างๆ ของหลายชนเผ่า ได้มาขอพระสงฆ์กับท่านเจ้าคณะอำเภอฝาง(สมัยนั้นยังไม่มีอำเภอแม่อาย) ให้ไปจำพรรษาณ.ที่พักสงฆ์ปางต้นเดื่อเพื่อเป็นที่พึ่งและช่วยสงเคราะห์ชาว บ้านชาวเมืองที่ขึ้นไปบุกเบิกป่าทำไร่ชา เนื่องว่าในขณะนั้นบนดอยลางมีแต่ฤๅษีไม่มีพระ ท่านเจ้าคณะอำเภอทราบเรื่องดังนั้นแล้วก็พิจารณาเห็นว่าคงมีเพียงหลวงปู่ครู บาสิทธิรูปเดียวเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้และสามารถจะพัฒนาที่ พักสงฆ์ให้กลายเป็นวัดสำเร็จ จึงได้ให้พ่อหลวงเสานำคณะศรัทธาไปรับหลวงปู่จากถ้ำตับเต่าขึ้นสู่ยอดดอยลาง มาจนกระทั่งปัจจุบัน

 
 
     
โดย : ieam   [Feedback +0 -0] [+0 -0]   Wed 24, Feb 2010 20:29:15
 




 
ดอย ลางในอดีตดินแดนที่อำนาจรัฐเข้าไม่ถึง
หลวง ปู่ครูบาสิทธิท่านไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้นะครับแถวนั้น ไม่แน่จริงจะเป็นพระที่เคารพของกองกำลังต่างๆที่ปะทะกันอยู่แถบดอยลางได้ หรือ? ดูรายงานชิ้นนี้ครับ

ในช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐-๒๕๓๐ อาณาบริเวณพื้นที่ชายแดนด้านดอยลาง และพื้นที่ลุ่มน้ำกกตอนบน มีลักษณะทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมไม่แตกต่างจาก “รัฐอิสระ” เท่าใดนัก อำนาจรัฐส่วนกลาง ทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่า ไม่สามารถแสดงอำนาจเหนือพื้นที่ได้บริเวณพื้นที่ดอยลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกกตอนบน และห่างจากหมู่บ้านท่าตอนเหนือขึ้นไปตามลำน้ำกกประมาณ ๕ กิโลเมตร เป็นฐานที่ตั้งของกองบัญชาการของกองทัพปลดปล่อยชนชาติลาหู่ (LNLA.) ส่วนอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำกก จะอยู่ในการควบคุมของกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army, SSA) หากจะสรุปอย่างตรงไปตรงมาแล้ว กล่าวได้ว่า ในช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐-๒๕๓๐ พื้นที่ชายแดนไทย-พม่าเขตลุ่มน้ำกกตอนบน ท้องที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งศูนย์กลางอำนาจย่างกุ้งและกรุงเทพฯ หรือหน่วยงานของรัฐบาลไม่มีอำนาจเหนือดินแดน/ไม่สามารถปฏิบัติการจริงในการ ควบคุมจัดการพื้นที่ได้ อาณาบริเวณดังกล่าวมีกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เป็นจำนวนถึง ๘ กลุ่มย่อย และมีกำลังพลรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ คน โดยประกอบไปด้วยกองกำลังติดอาวุธกลุ่มต่าง ๆ คือ (๑) กองทัพปลดปล่อยชนชาติลาหู่ ที่มี ๓ กลุ่มย่อย คือ กลุ่มเจ้าฟ้าจะอื่อ หรือพญาจะอื่อ, กลุ่มเจ้าฟ้าแอบิ กลุ่มพันเอกแสงหาญ (๒) กองทัพรัฐฉาน (Shan State Army, SSA) กลุ่มเจ้าหาญสามแสง-ขุนโง๊ะ, กลุ่มขุนส่า (Mong Tai Army, MTA) (๓) กองกำลังติดอาวุธชนชาติว้า (Wa National Organizations, WNO) ซึ่งมีกลุ่มของ พ่อเฒ่าพะโป่ หรือ พะโป่กางเสือ, กลุ่มเจ้ามหาซาง และไอ่เชียวสือ, กลุ่มเจ้ายี่ลาย
บาง ประสบการณ์จากเวปล้านนา
ครูบา สิทธิ วัดปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย เชียงใหม่
ประวัติ ท่านผมไม่ทราบมากนัก หนังสือก้อไม่มี หมายความว่าไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในโลกนี้เลย น่าแปลกน่ะครับ ผมเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับครูบาฯก้อเมื่อพี่เล็ก นำศิลป์พูดคุยกัน สัพเพเหระ จนมาถึงครูบาสิทธิ องค์นี้ (พี่เล็กนี่มีครูบาอาจารย์มากน่ะ ครับ)
พี่เล็กว่า "ครูบาสิทธินี้เมื่อก่อนเปิ้ลอยู่กับอาจารย์เปิ้ลที่ถ้ำตับเต่า(ดับเถ้า) เมื่อาจารย์ท่านสิ้น ครูบาสิทธิจึงได้ย้ายออกมา"
ประสบการณ์ มากมายเกี่ยวกับท่าน จากปากคุณอู๊ด แอมเวย์ เคยเล่าให้ผมฟังว่า "มี ทหารลาดตะเวณเดินพลัดตกไหล่เขา หาเท่าไรก้อหาไม่เจอ จนใจแล้ว จึงไปหาครูบาฯ ครูบาฯก้อบอกๆ ว่า "อยู่ฮั่นน่ะ ตกลงไป บ่อได้นอน นั่งกั๊ดอกอยู่ฮั่นน่ะ ถ้าจะตายล่ะ " ทหารร่วมกับชาวบ้านไปหากันก้อเจอตามที่ครูบาฯบอกครับ
อีก เรื่อง หนึ่ง เค้าว่า(เค้าว่าน่ะครับ ฟังหูไว้หู)ตอนที่เหรียญนี้มันดังเนี้ย มีคนเอาไปหื้อคนทางใต้ แล้วมันสู้กัน ใช้มีดกรีดยางเฉือดไม่เข้า อะไรอะไรอย่างนี้แหล่ะครับ
เล่า กันบ่อดาย เน้อ
ถ้าลองกลับไปอ่านประวัติหลวงปู่ครูบาสิทธิตอนที่ได้เรียนกับปู่ฤๅษีฯในนิ มิตรขณะที่จำพรรษาอยู่ในถำตับเต่านาน ถึง๙ปี และ กลับไปอ่านเรื่องประวัติที่มาของบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกกับความคิดส่วนตัวของผม ที่บอกว่า ผมเริ่มสัมผัสกับบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกตั้งแต่ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ครูบา สิทธิและท่านจะมาประสิทธิในมงคลพิธีต่างๆที่ผมจัดขึ้นโดยส่นใหญ่จะปรากฏใน รูปแบบลมหอบ ลมกรรโชกเป้นลูกเล็กๆ แม้กระทั่งในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลรักชาติของหลวงปู่เจือต่อหน้าพระเจดีย์ ใหญ่ วัดใหญ่ชัยมงคล ที่สถิตย์ดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็เหมือนกันมีลมกรรโชกแรงๆ เป็นระลอกๆแต่ขณะนั้นเทียนไม่ดับ มาวันนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือปู่พัดโบกดลบันดาลให้เปิดปูมประวัติบางภาค ส่วนของปู่พัดโบกท่านก็ยากที่จะสรุปได้ แต่ผมเพิ่งพบว่าบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกนั้นนอกจากท่านเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ครู บาสิทธิแล้วท่านยังข้องเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยาในอดีตด้วย เรื่องราวจึงดำเนินมาในยุคปัจจุบันโดยท่านใช้ผมและคณะทำภารกิจนี้(เป็นความ เชื่อส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร)

ที่ผมสรุปเช่น นี้เพราะผมได้ไปค้นคว้าประวัติของถ้ำตับเต่าตามข้อมูล มหัศจรรย์หลายอย่างที่หลวงปู่ครูบาสิทธิท่านเล่าให้ฟัง หนึ่งในนั้นท่านบอกว่ามีพระพุทธปางไสยาสน์ขนาดใหญ่และพระอรหันต์ล้อมรอบทรุด โทรมอยู่ภายในถ้ำและอ.ปู่ฤๅษีก็อยู่ที่นี้ ข้อมูลเหล่านี้ผมได้พยายามถามท่านพระอ.มหาเกษมศิษย์เอกของหลวงปู่แล้ว ท่านอ.ยืนยันว่าหลวงปู่ไม่เคยยอมเล่าเรื่องเก่าๆให้ใครฟัง ท่านมักปฏิเสธตลอดว่าไม่รู้บ้าง จำไม่ได้บ้าง ทำให้ที่วัดเขียนประวัติท่านได้นิดเดียว เมื่อไม่ได้ข้อมูลจากศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ผมจึงต้องค้นหาเองและ ต้องขออนุญาตคัดลอกเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับประวัติวัดถ้ำตับเตา เรียบเรียงโดย คุณอินทร์ศวร แย้มแสง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอฝาง และพระอธิการศิลปชัย ญาณวโร อดีตเจ้าอาวาส เผยแพร่แก่ญาติโยมผู้สนใจ เมื่อเดือนเมษายน 2543 มาเล่าประดับความรู้นะครับ

วัด ถ้ำตับเตา เป็นศาสนสถานโบราณนานนับเวลาหลายร้อยปีแล้ว ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำตับเตา หมู่ที่ 13 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณวัดมีเนื้อที่ประมาณ 35 ไร่ มีลำธารน้ำใสสะอาดไหลผ่ากลางบริเวณวัด ไหลจากหนองน้ำเล็กๆ ที่เกิดจากตาน้ำผุดห่างไปทางด้านหลังถ้ำประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ตาน้ำผุดและสระเล็กๆ นี้เกี่ยวพันกับตำนานของถ้ำตับเตา วัดนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณเชิงเขาถ้ำตับเตา และเป็นภูเขาลูกหนึ่งในเทือกเขาที่กั้นเขตอำเภอไชยปราการกับอำเภอเชียงดาว ทางทิศใต้ และเป็นเทือกเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันกั้นเขตแดนไทยกับพม่าทางทิศตะวันตก

วัด ถ้ำตับเตาจะสร้างในสมัยใด และใครเป็นผู้สร้างไม่ปรากฎแน่ชัด เพียงแต่สันนิษฐาน เอาตามหลักฐานที่เป็นสิ่งก่อสร้างในวัด คือ พระพุทธรูปไสยาสน์องค์ใหญ่ ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 9 เมตร สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน พอกด้วยยางไม้รักปิดทองในแบบศิลปะอยุธยา ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันท่านสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างใน สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ คราวพระองค์ทรงยกทัพหน้าเพื่อจะเข้าตีพม่าและตีเมืองตองอูในประมาณ ปี พ.ศ.2135 และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพหลวงไปทางเชียงดาวเข้าพักพลที่เมืองหาง ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองในราชอาณาจักรไทย และทราบจาก ปลัดอำเภออาวุโส คุณปลายมาศ พิรภาดาว่ามีผู้เฒ่าอายุมากท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าก่อนนี้ หน้าถ้ำมีป้ายเขียนบอกไว้ว่า ณ ถ้ำนี้เคยเป็นที่ประทับพักกองทัพของสมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าอาวาสสันนิษฐานเช่นนี้ด้วยเหตุผลที่พระพุทธรูปไสยาสน์องค์นี้เก่าแก่ โบราณ ซึ่งคนโบราณแต่ละถิ่นแคว้นจะมีลักษณะศิลปะการก่อสร้างเป็นของตนเอง ถ้าสร้างโดยช่างฝีมือล้านนาไทย คงจะต้องมีลักษณะศิลปแบบล้านนา
 
โดย : ieam    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 1 ] Wed 24, Feb 2010 20:32:22









 
รมดำ ราคา 349บาท
ชุดกรรมการ 999บาท แถมผ้ายันตืสมปราถนากับลุกอมชานเมี่ยง

จะธนาณัติไปที่วัดปางต้นเดื่อเลยก็ได้นะครับ
ธนาณัติสั่งจ่าย พระมหานิรันดร์ รตนปญฺโญ วัดปางต้นเดื่อ ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 50280 ค่าจัดส่ง 50 บาท

 
โดย : ieam    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 2 ] Wed 24, Feb 2010 20:43:25

 
แก้ไขครับ
รม ดำ ราคา 349บาท
แถมผ้ายันต์สมปราถนากับลุกอมเมี่ยง

ชุดกรรมการ 999บาท แถมผ้ายันต์สมปราถนากับลุกอมเมี่ยง


ร้านเอกพุทธผดุง ทิพเนตร
ร้านบุญบารมี แม๊คโคร
 
โดย : ieam    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 3 ] Thu 25, Feb 2010 13:56:29

 
 ใครที่ไม่อยากธนานัติ หรือขึ้นไปบูชาบนวัด ก็ลองไปสอบถามที่ 2 ร้านนี้ดูนะครับ ว่าพอจะมีของไหม
 
โดย : ieam    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 4 ] Thu 25, Feb 2010 14:23:14

 
มาช่วยกันสร้างโบสถ์วัดปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.